Title : Natsukage
Fandom : Kuroko no Basket
Rate : PG-15
Pairing: Akashi Seijurou*Kuroko Tetsuya
Note :
บทนำก็สปอยซะแล้ว เป็นราวกลางๆ เรื่องของฟิคเลยค่ะ
ซึ่งตอนต่อไปจะเขียนโดยไล่เนื้อหาฟิคไปตามไทม์ไลน์สมัยเทย์โควนะคะ
คู่หลักเรื่องนี้เป็นแดงดำ แต่ในตอนต่อๆ ไปจะเป็นความสัมพันธ์ของคุโรโกะกับคิเซกิคนอื่นๆ
พูดได้ว่ากว่าจะเข้าไคลท์แม็กซ์ท่านอาคาชิเบิกเนตร
ฟิคเรื่องนี้ตั้งใจให้ดำเนินไปในทางออลดำน่ะค่ะ
มาครบทุกโมเม้นท์ค่ะเพราะเป็นแม่ยกคุโรโกะคุง ฮา
夏影
‘เงาฤดูร้อน’
: Prologue :
See,who I am.
ฝนหยุดตกไปนานแล้ว....
หากเขาก็ยังเดินกลับมาที่โรงยิม...อย่างไร้จุดหมาย สองขาพาร่างมาที่แห่งนี้ด้วยปราศจากกระบวนการคิดหรือสั่งการณ์ของสมองด้วยซ้ำ เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยหยดน้ำที่พร่างพรมมาระหว่างทางกลับ
คุโรโกะ เท็ตสึยะ ไม่ได้หลบเข้าร่มหรือหลีกเลี่ยงการโดนเม็ดฝนแม้แต่น้อย ทั้งที่ปกติการใส่ใจสุขภาพของร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์พร้อม เป็นสิ่งที่ต้องจดจำและปฏิบัติในฐานะนักกีฬาแท้ๆ
หากเวลานี้....
หัวสมองกลับขาวโพลน...
มันฉายภาพและเสียงของอาโอมิเนะคุงซ้ำไปซ้ำมาแล้วกับเป็นเครื่องเล่นแผ่นที่ชำรุด
'ฉัน...ลืมมันไปแล้ว วิธีการรับลูกส่งของนาย'
ยิ่งกว่าน้ำเสียงอันสิ้นหวังและหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าที่เศร้าหมองราวกับสูญเสียเป้าหมายของชีวิตไปทำให้เขาปวดใจเสียยิ่งกว่า
คนที่รักในบาสขนาดนั้น...
เคยมีรอยยิ้มที่เปล่งประกาย เป็นราวกับแสงสว่างคนนั้น
พังทลายลงเพราะความรักที่มีให้บาส
หยดน้ำไหลผ่านดวงตาสีน้ำเงินเข้ม.... โดยที่เขาไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าสิ่งที่กลิ้งไหลจากดวงตาคู่นั้นเป็นสายฝนที่ร่วงหล่นหรือน้ำตาของอาโอมิเนะคุงกันแน่
ทำได้แต่เพียงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง สิ้นไร้ถ้อยคำจะเอื้อนเอ่ยไปโดยไม่อาจทำอะไรได้เลย
เขา....
ทำได้แค่ดูคนตรงหน้าแตกสลายลงไป
ในโรงยิม...มืดสลัวไร้แสงไฟ ทุกคนคงกลับไปหมดแล้ว
จะเหลือก็เพียงแค่...
"อาคาชิคุง"
เขาส่งเสียงทักออกไป ใบหน้าคมผินกลับมามอง คุโรโกะไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่แผ่นหลังที่เห็นเมื่อครู่ดูราวกับหลุมลึกสีดำสนิทที่เหมือนกับจะดูดอากาศเข้าไป
"มาสายนะ... ทุกคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้ว"
หากน้ำเสียงทุ้มนุ่มแสนคุ้นก็ฉุดเขากลับมา มือเรียวยาวโยนผ้าขนหนูที่ถือไว้มาให้และสั่งให้เช็ดเนื้อตัว กระชับตามนิสัยรอบคอบ ด้วยเกรงว่าเขาจะเป็นป่วยไข้ไปซะก่อน
ฝ่ามือประคองผ้าขนหนูผืนนิ่มยกซับไปตามใบหน้าและผิวกาย ดวงตาสีฟ้าอ่อนหลุบต่ำไม่กล้าสู้หน้า รับรู้ได้ถึงสายตาเคร่งขรึมที่จ้องมองมา หากแต่ก็สิ้นคำจะบอกกล่าว จนกระทั่งอีกฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน
"ปฏิกิริยาของเธอ... มันบอกผมเลยว่า 'ไม่สำเร็จ' สินะ"
กัปตันคนปัจจุบันแห่งชมรมบาสเทย์โควเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยากจะคาดเดาอารมณ์
ภาพใบหน้าที่สิ้นหวังนั่นผุดขึ้นมาอีกครา มันหนักอึ้งจนเขาทำได้เพียงเสสายตาลงต่ำ และตอบรับไปสั้นๆ
ใจหวังลึกๆ... ลึกลงไปว่าคนตรงหน้าอาจจะมีหนทางให้อาโอมิเนะคุงกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ประโยคที่ออกมาจากปากคนคนนั้นก็ฉุดเขาให้ตกลงไปในหล่มแห่งความสิ้นหวังอีกครั้ง
"ช่วยไม่ได้ล่ะน่ะ"
อาคาชิพูดราวกับไม่ใส่ใจ และยิ่งสำทับความจริงจังของถ้อยคำที่กล่าวออกมาไม่ใช่สิ่งที่หูฝาดแว่วไปเองอีกประโยคว่า
"ตัดใจเรื่องไดกิซะ"
ใบหน้าขาวซีดเงยขึ้นสบกับดวงตาสีแดงเข้มที่มองตรงมา นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนสั่นระริกและจ้องเขม็ง ปรารถนาให้ตนได้ยินผิดไป
"แต่.. อาคาชิคุงเป็นคนส่งผมไปตามเขา"
ไม่... มันต้องไม่เป็นแบบนี้
อาคาชิคุงน่ะ.. อาคาชิคุง...
"ใช่... มันเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับเขา"
หากเสียงตอบกลับเป็นคมมีด... วาจาต่อมาก็เป็นดังปลายของมีดที่ค่อยๆ กรีดบาดลงมา
"จานที่แตกไปครั้งหนึ่ง จะไม่เป็นดังเดิม ถึงจะซ่อมมันได้ หรือยามจำเป็นผมจะเอากลับมาใช้ได้ก็ตามที"
"แต่..."
ทิ้งช่วงเอ่ยเล็กน้อย ราวกับจะพัก เขาหวังให้จังหวะหนึ่งมันเป็นความลังเล
เปล่าประโยชน์สิ้นดี...
เขาควรจะรู้ดีว่าอาคาชิ เซย์จูโร่ไม่มีคำคำนั้นในสมอง
สิ่งที่ถูกเอื้อนเอ่ยคือประกาศิต เป็นคำสั่งที่ผ่านการไตร่ตรองและเลือกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
"ไม่จำเป็นต้องสนใจอีกต่อไปแล้ว เขายังมีประโยชน์ให้ใช้ได้อีกเยอะ"
"ทำได้ดีมาก"
เหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง คำชมที่เขาไม่ต้องการ ฝ่ายผู้ฟังทำได้เพียงเอ่ยเรียกชื่อนั่นเสียงพร่า
เสียใจ.... สิ้นหวัง.... สับสน ตกตะลึง....
ความรู้สึกมากมายผสมปนเปจนใบหน้าที่นิ่งเฉยเป็นนิจราวหน้ากาก ได้แตกหักและแสดงความตระหนกออกมาในครานั้นเอง
"นาย...เป็น....ใคร?"
ผมสีแดง นัยน์ตาสีแดงเช่นเดียวกัน...
ไม่สิ อีกข้างเป็นสีทอง...
สีทองราวกับทองคำในเตาหลอม
“ทำไมมองผมด้วยสายตาแบบนั้นล่ะเท็ตสึยะ?”
ที่ร้อน....
และลุกไหม้เสียยิ่งกว่าเปลวเพลิงสีแดงฉาน
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
"ผมก็คือผมไง อาคาชิ เซย์จูโร่ กัปตันของเธอ"
คล้ายกับจะเป็นคนเดิมเช่นก่อนหน้านี้
แต่ไม่..
รอยยิ้มบนเรียวปากนั่นราวกับวิปลาสไปแล้วก็ไม่ปาน สติอันน้อยนิดสั่งให้สองขาพาร่างตนถอยห่างออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แสงจันทร์นวลอ่อนสาดไล้ลงบนพื้นโรงยิมไร้ผู้คน เหลือเพียงเขาและคนตรงหน้าที่จับจ้องกันและกัน
ความมืดมิด...และบรรยากาศหนักอึ้งครอบคลุมไปทั่วบริเวณ
หากสีแดงเพลิงกับสีทองที่ลุกวาวเรื่อเรืองของดวงตาต่างสีคู่นั้นกลับโดดเด่นอย่างน่าใจหาย
คุโรโกะ เท็ตสึยะคิดมาตลอดว่า
ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆของคนตรงหน้าคงเป็นเรื่องที่เขาคิดไปเอง ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือเมื่อครู่ก็ตาม
แต่ไม่ใช่แล้ว....
นี่ไม่ใช่อาคาชิคุงที่เขารู้จัก
มันไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความตื่นตระหนกกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่กระทันหันจนไม่อาจตั้งตัว ในตอนนั้นเขายังจำได้ดีว่าตนเองตกใจจนลืมวิธีกรีดร้องด้วยซ้ำไป
"หือ? กลัวผมเหรอเท็ตสึยะ?"
ขาพาร่างตัวเองถอยห่างจากอีกฝ่ายอีกก้าว
กัปตันแห่งเทย์โควจุดยิ้มที่มุมปาก ราวกับสมใจในบางสิ่ง
"น่าแปลกนะ..."
ปลายนิ้วเรียวยาวเอื้อมหมายจะแตะใบหน้า เขาปัดทิ้งทันทีด้วยสัญชาตญาณ
"ที่ใบหน้าของเธอ แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้"
แต่เมื่อ 'จักรพรรดิ' เริ่มขยับ ผู้ต่ำต้อยกว่ามีหรือจะสามารถขัดขืนได้ อาคาชิคว้าจับมือที่แสดงอาการปฏิเธอย่างโจ่งแจ้งนั่นไว้
สัมผัสของมันไม่ได้นุ่มนิ่มอะไร ออกจะหยาบกระด้างและแข็งไปในบางจุดที่ใช้งานสม่ำเสมอเช่นเดียวกับนักกีฬาที่ทำการฝึกฝนทั่วไป
หากนั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญหรือสิ่งที่ต้องใส่ใจ ต่อดวงตาที่เปิดเปลือยถึงปฏิกิริยาและการแสดงออกของทุกอวัยวะในร่างกาย
ลมหายใจที่หอบกระชั้น นัยน์ตาที่สั่นสะท้าน สองมือที่ระริกไหว และดวงใจที่เต้นระรัวฉูบฉีดด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ผมเห็น...ทั้งหมดนั่น
ง่ายดายยิ่งกว่าจับกระต่ายซะอีก
เพราะนี่เป็น 'ของที่อยู่ในอุ้งมือ' แล้ว
TBC.