วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

[ShortFic]Levi Sama[Fin.]



Levi-Sama
Fandom : Shingeki no Kyoujin or Attack on Titan
Pairing : Levi*Eren , ??*Hanji
Note :
ควรอ่านไมโกะเอเลนก่อนนะคะ เพื่อจะได้ไม่งง ฮา





รีไวไม่รู้จักความรัก....

อย่างน้อยเขาก็คิดว่าตัวเองไม่รู้จัก

เขาโตมาจากข้างถนน
อาศัยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดมาเลี้ยงปากท้อง จะว่าปากกัดตีนถีบก็ใช่

แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองโชคร้ายอะไร

เข้าคุกด้วยคดีอุกฉกรรจ์หลายครั้ง

จนเมื่อสี่ห้าปีก่อน...
ท่าน 'เสนาธิการทหาร' คนเก่งเห็นแววหรือสิ้นไร้ไม้ตอกก็ไม่ทราบได้

ถึงได้ขอเขามาช่วยงาน แลกเปลี่ยนกับการลบประวัติอาชญากรรมทั้งหลายแหล่

ยุติธรรมดี...
ใช้กำลังต่อกรกับกำลัง

จากนั้นจะเพราะความเฉียบขาดหรืออะไรก็แล้วแต่

เขาไต่เต้ามาเรื่อยๆ จนถึงขั้นเป็นใหญ่เป็นโตพอสมควรในกองทัพ

อย่าว่าแต่มือเปื้อนเลือด....ไม่เพียงแค่สองมือ บ่อยครั้งไปที่ดวงตาคู่นี้เห็นคนเป็นศพต่อหน้าต่อตา

ใช่...
ศพ ซากศพของอดีตอมนุษย์ทั้งหลายเช่นที่เขาเคยเป็นน่ะแหละ

ใช้อสูรกำจัดปีศาจ

มันก็สาสมกันดี




หากดวงตาที่ดำมืดนี้กลับได้พบกับแสงสว่าง....

วันนั้นเขาแค่ตามเจ้าเออร์วินมาเพราะเห็นท่าทีแปลกๆ

ร้อนรน..กระวนกระวาย..และตื่นตกใจ

ปฏิกิริยาแปลกประหลาด ความเคร่งขรึมเด็ดขาดและเลือดเย็นที่มีล้วนพังทลาย

เลยติดใจนิดหน่อยจนตอดตามมาด้วย

อยากเห็นใบหน้าของคนที่ทำให้ปีศาจไร้หัวใจนี้เป็นคนขึ้นมาบ้าง


แต่ก็นั่นแหละ....
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นคุณหนูผู้ดีเลิศเลอจากที่ไหน

สำนักเกอิชาเด่นดังในย่านเริงรมย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโต

นั่นคือที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้น

จะโอยรันหรืออะไรก็ช่างเถอะ
แต่กะอิแค่ผู้หญิงขายบริการมันจะไปมีค่าอะไรนักเชียว

เล่นสนุกให้หายอยากแล้วสะบัดทิ้ง เปลี่ยนใหม่ก็พอแล้ว


ร่างไม่สูงใหญ่ แต่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อเดินทอดน่องไปด้วย

เสียงหัวเราะเจี๊ยวจ๊าวและดนตรีรื่นเริงดังคลอไปทั่วบริเวณ

นั่นสินะ...
เทศกาลฤดูหนาวเริ่มขึ้นแล้วนี่น่า


แสงสีจากโคมไฟร้านรวงสว่างไสวเรืองรอง ชวนให้ละลานตาและมึนงงอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับคนที่ใช้เวลาเกินครึ่งชีวิตอยู่แต่ในความมืดมิดแล้ว นี่มันออกจะมากเกินการรับรู้ไปด้วยซ้ำ

"อ๊ะ! ดูนั่นสิๆ มิคาสะ!!"

เสียงสดใสแบบเด็กยังไม่โตเต็มที่ดังผ่านมาในโสตประสาทที่รางเลือน เสียงใสกระจ่างราวกับลูกดิ่งที่ไหวลู่ลม มันก้องกังวานคลอมากับเสียงของลม

และเมื่อชายหนุ่มหันไปตามเสียงนั่น เขาก็ได้พบ...

เด็กน้อยในชุดกิโมโมดูหรูหราสวยงาม รับกับดวงหน้ากระจ่างนวลเนียน ไม่ขาวจัดจนขัดตา แต่ดูนุ่มนวลละมุนละไม ริมฝีปากบางสีแดงอมส้มยิ้มร่ากระตุกชายกิโมโนตัวยาวของเด็กสาวหน้าตาสะสวย ข้างกาย

เด็กคนนั้นสวยไม่ได้ครึ่งของคนผมดำที่เคียงข้าง....

หากประกายตาสีเขียวอันสดใสและมีชีวิตชีวานั้นจับใจจนไม่อาจละลายตา

ราวกับต้องมนตร์สะกด...
อาจจะเป็นเพราะอสูรเช่นเขาไม่เคยได้จับต้องสิ่งที่สวยงามและบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้น

จึงได้ติดใจถึงเพียงนี้....

เป๋อเหลอซะไม่มี

รีไวคิด เมื่อเห็นใบหน้าใสติดจะสวยหวานเกินเด็กผู้ชายนั่น

ใช่...
เด็กผู้ชาย

ต่อให้ใส่ชุดรัดกุมแน่นหนาหรือเสียงใสขนาดนั้น เด็กตรงหน้านี้ก็เป็นเด็กผู้ชาย

ยิ่งประกอบกับอาการทึ้งหัวกับร้องลั่นอย่างไม่สำรวมนั่นยิ่งใช่เลย

หากความติดใจนั่นมีมากกว่า....

เป็นเด็กผู้ชายแล้วไง?
ในเมื่อถูกใจแล้วจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละสำหรับเขา

"มานี่ จะสอนให้"

ถึงได้ทำสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน ร่างแกร่งยวบตัวลงข้างเด็กน้อย ก่อนคว้าข้อมือข้อแขนของอีกฝ่ายมาจับถนัดถนี่

ไม่ใช่เด็กผู้หญิง
แตะติดแตะหน่อยก็คงไม่สึกหรอเท่าไหร่หรอกน่า

ฝ่ามือเนียนนุ่ม มีกระด้างนิดหน่อยบางส่วน หากเมื่อเทียบกับมือหยาบกร้านของตัวเองแล้ว มือที่กุมไว้ก็ยังนุ่มนิ่มอยู่ดี กลิ่นหอมจางๆ จากน้ำปรุงที่อบเสื้อผ้าผสมกับกลิ่นอ่อนๆ ซึ่งน่าจะเป็นกลิ่นเฉพาะของเจ้าตัวลอยมาต้องจมูก

หอมสะอาด...และสดใหม่
เช่นเด็กน้อยไร้เดียงสาไม่เคยต้องแปดเปื้อนมลทินใด

ปลุกความกระหายอยากในใจให้ตื่นตัว.....
เหมือนเห็นสัตว์ร้ายที่นอนสงบนิ่งในกายกำลังแสยะยิ้ม ลับเขี้ยวเล็บก็ไม่ปาน

ร่างกายไวกว่าสมอง

สองแขนโอบกระชับรั้งร่างเพรียวสมวัยให้แนบชิดยิ่งขึ้น และเพราะนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ทั้งยังสูงกว่าเล็กน้อย ยามที่ก้มลงมองจึงได้เห็นไรผมสีน้ำตาลเข้มจัดระประปรายบนหลังคอขาวเนียน

หากฝังเขี้ยวลงไป แล้วกัดลงสักที
ให้ผิวเนื้อกระจ่างใสเบื้องหน้ามีราคีสักนิด....จะเป็นอย่างไร?

นั่นเป็นความคิดที่แล่นผ่านชั่ววูบหนึ่ง....

"เวลาจะช้อนปลาน่ะ อย่าเล็งไปที่ตัวมัน ให้ดูทิศทางที่มันจะว่ายไป"

ใบหน้าคมเลื่อนต่ำ ทอดกระซิบแผ่วริมใบหูอย่างจงใจ หากเด็กน้อยกลับใสซื่อไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ใหญ่เอาซะเลย

"เอเลน!"

เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน ร่างในอ้อมแขนกูพลุนพลันยันกายขึ้นผละจากเขาในทันที

ร่างหอมหวานในอุ้งมือหลุดลอยไปจากกรงเล็บของอสูรร้ายอย่างน่าเสียดายและน่ายินดีไปในคราวเดียวกัน

ยัง...ยังก่อน

ดวงตาคมกริบสองประสานกับนัยน์ตาดุกร้าวอีกคู่ที่จ้องสวนมา เด็กสาวที่เดินเคียงคู่มากับเด็กคนนั้นในตอนแรก ท่าทีกางปีกปกป้องราวกับองครักษ์พิทักษ์ดูน่าหมั่นไส้ระคนเยาะหยัน

อินทรีที่เพิ่งหัดบินหรือจะอาจหาญสู้อสูรที่เจนสนามได้

นัยน์ตาสีอ่อนไล่ตามแผ่นหลังในชุดกิโมโนกรุยกรายไปจนสุดสายตา


ยังก่อน...

อีกไม่นานหรอก

เราต้องได้พบกัน

...เอเลน

[จบ]

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

[ShortFic]Maiko Eren[Fin.]



Maiko Eren
Fandom : Shingeki no Kyoujin or Attack on Titan
Pairing : Levi*Eren , ??*Hanji
Note :  

รวมจากทวิตช็อตมาตั้งแต่ต้นจนจบนะคะ ภาษาหรืออะไรอาจจะดูกระโดดๆไปบ้าง
เพราะด้นสด ไร้พล็อตสุดกู่ คิดอะไรได้ก็มาเรียงๆ ต่อกัน








ไมโกะถือเป็นเด็กรับใช้ฝึกหีดส่วนตัวของเกอิชา มีหน้าที่ดูแลและปรนนิบัติพัดวี โดยจะเรียกเกอิชาที่ตนดูแลว่า 'พี่สาว' ส่วนเกอิขานั่นก็มีหน้าที่สอนสั่งและฝึกไมโกะ

ในวันๆ หนึ่ง นอกจากดูแล 'พี่สาว' แล้ว ไมโกะยังต้องเรียนการละเล่นต่างๆ เพื่อแสดงความบันเทิงให้แก่ลูกในอนาคต ทั้งซามิเซ็น ชงชา รินเหล้า หรือวิธีการพูดคุยอย่างมีจริต ล้วนแล้วแต่สำคัญต่อไมโกะที่จะเป็นเกอิชาในอนาคตทั้งนั้น

เกอิชาไม่ใช่โสเภณีหรือนางบำเรอ เป็นเพียงผู้มอบความสำราญให้แก่นายท่านทั้งหลายเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น... การจะก้าวจากตำแหน่ง 'ไมโกะ' ขึ้นเป็น 'เกอิชา' นั่น ก็มีการประมูลความบริสุิทธิ์ของเด็กสาวเหล่านี้อยู่ดี ซึ่งค่อนข้างรับรู้กันทั่วไปในหมู่ชายหนุ่มชนชั้นผู้ดีหรือพ่อค้าที่มีอันจะกิน

ราคาประมูลยิ่งสูงยิ่งแสดงถึงความงดงามและมีคุณค่า

มือเรียวสีเนื้ออ่อนจัดแจงทรงผมให้ 'พี่สาว' ไปพลางฟังเรื่องเล่าที่หลั่งไหลออกมาจากริมฝีปากบางนั้น

เอเลนทำหน้าเหยเก คิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครสักคนกล้าประมูลตัวเองด้วยราคาสูงลิ่วเพื่อ 'พรหมจรรย์' ของตน

น่ารักน่าเอ็นดูอย่างอาร์มินหรือก็ไม่
สวยสง่างามสะกดเช่นมิคาสะก็ไม่สักนิด

แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีกตั้งหาก

"ฮันจิซัง แล้วคนแรกของคุณเป็นใครเหรอครับ?"

เด็กชายถามอย่างไร้เดียงสา ดวงตาสีน้ำตาลแดงกะพริบปริบๆ สองสามที ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมา

ร่างเพรียวบางหันมาจับข้อมือเล็กไว้ ก่อนเอ่ยแนะนำ

"ไม่ใช่คำถามที่ดีเท่าไหร่น้า~ อย่าเผลอไปถามคนอื่นเชียวแหละ! ระวังจะโดนลงโทษไม่รู้ด้วยน่า"

หญิงสาวเอ่ยไปหัวเราะจนน้ำตาเล็ดไป เพราะ ' ประสบการณ์' ครั้งแรก ใช่ว่าจะมีแตเรื่องดีๆ น่ะนะ

เอเลนในวัยสิบสองย่างสิบสามปีได้แต่เอียงคอมองใบหน้าสวยที่เริ่มเปรอะเครื่องประทินโฉมจากคราบน้ำตาด้วยสายตาไม่เข้าใจ

มือเรียวลูบลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมตัดสั้นนุ่มสีน้ำตาลเข้มจัดอย่างเอ็นดู

"เรื่องของฉันน่ะมันผ่านไปแล้ว แต่สำหรับเธอ...ฉันหวังว่าให้ได้เจอคนดีๆ นะ เอเลน"

รอยยิ้มอ่อนหวานเจือด้วยความเศร้าอย่างประหลาดผุดขึ้นใบหน้าสวยงาม

คำพูดแฝงนัยนั้นยากเกินกว่าเด็กน้อยอ่อนเดียงสาจะเข้าใจ

วันนี้เป็นวันเปิดงานเทศกาลฤดูหนาว สายลมเย็นโชยแผ่วเบาให้กระดิ่งหน้าร้านแกว่งไกวส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งแว่วมา

เด็กน้อยพาดแขนกับบานหน้าต่างที่เปิดรับลมไว้แค่เล็กน้อย ดวงตากลมโตสีเขียวสดใสมองเหม่อไปบนถนนที่ผู้คนเริ่มออกมาสัญจรเรียงรายด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน

"อะ...ออกไป...เที่ยวงานเทศกาล...ก็ได้นะ เอเลน"

เสียงแหบพร่าจากพิษไข้กล่าว เมื่อเห็นสายตาเหงาหงอยของเด็กชาย เอเลนรีบปิดบานหน้าต่าง ก่อนผลุนผลันไปยังข้างฟูกนอน

"ฮันจิซัง... อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาสิครับ ยังไม่หายไข้แท้ๆ"

เด็กชายในชุดยูคาตะสีฟ้าอ่อนผวาไปประคองร่างเพรียวบางที่โงนเงนขึ้นมาจากหมอนสี่เหลี่ยม หญิงสาวยังคงไข้ค่อกแค่ก ใบหน้านวลแดงก่ำ

"สัญ..ญา ไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะพาไปเที่ยว ฉันนี่แย่จริง"

เอเลนค่อยๆ นำหมอนสอดรองเข้าที่ท้ายทอยของ 'พี่สาว' ก่อนกึ่งบังคับกึ่งดันให้เอนตัวลงนอน ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เย็นเล็กน้อยถูกบิด แล้วจึงวางลงบนหน้าผากเนียนชื้นเหงื่อ

"ฮันจิซัง ป่วยอยู่แบบนี้ ผมจะออกไปเที่ยวเล่นได้ไงครับ?"

คนอายุน้อยกว่าว่า พลางดึงผ้าห่มนวมผืนหนาขึ้นมาจนชิดถึงลำคอ
เด็กชายยิ้มน้อยๆ ให้แล้วพูดต่อ

"แถมงานเทศกาลยังมีอีกตั้งหลายอาทิตย์ ไว้หายแล้วค่อยไปด้วยกันก็ได้ครับ"

และยังไม่ทันให้พูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าตึงตังหนักแน่นฟังดูรีบร้อนก็ดังขัดขึ้นซะก่อน หัวคิ้วสีน้ำตาลเข้ามขมวดหม่นด้วยความไม่สบอารมณ์

เขาบอกให้ยกเลิก 'แขก' ของฮันจิซังไปแล้วทุกคนนะ ใครหน้าไหนกล้าปล่อยขึ้นมาน่ะห๊า!!

"จะ...ใจเย็นๆ ก่อนครับ"

เสียงใสๆ แบบเด็กยังไม่แตกเนื้อหนุ่มของเพื่อนสนิทดังแว่วมาให้ได้ยิน ฟังดูลนลาน เล่นเอาเอเลนยิ่งเดือดหนัก ใบหน้าเนียนเริ่มแดงขึ้นด้วยความโกรธจนคนป่วยต้องคว้าข้อมือจับไว้ก่อน

"อย่า...ทำอะไร...วู่วาม... เอเลน"

ฮันจิเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แต่น่าเสียดายที่เสียงฝีเท้ามาหยุดที่หน้าประตู ซะแล้ว เด็กชายปลดมือที่คว้าตนไว้ และส่ายหน้าน้อย

"ไม่ได้หรอกครับ ผมจะไป" ...สั่งสอนแขกไร้มารยาทนั่น! ประโยคนี้ได้แต่ต่อในใจน่ะนะ หากยังไม่ทันจะเปิดประตูออกไปจัดหนักให้สมใจ บานประตูก็เลื่อนเปิดออกมาซะก่อน

อาร์มินถอนหายใจหนัก ส่วนเอเลนอึ้งกิมกี่ไปกับใบหน้าคุ้นเคยที่เห็นเป็นประจำ

"เออร์วินซามะ"

แขกคนสำคัญของฮันจิซัง.... ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่โบกมือไล่เด็กหนุ่มผมทองที่ยืนเลี่ยงไปด้านหลังรอคำสั่งอยู่ อาร์มินโค้งตัวรับ ก่อนจะหันไปสบตาเอเลนที่ยังอึ้งอยู่ให้หลบฉากออกมา

ดูท่าว่า...เขาคงไม่ต้องดูแลฮันจิซังแล้วล่ะน่ะ

"เออร์วินซามะรู้ได้ยังไงว่าฮันจิซังป่วยอยู่กัน? อาร์มิน"

เอเลนเบือนหน้าไปถามเพื่อนสนิทที่กำลังคุ้ยหีบห่อเครื่องแต่งกายอยู่ ทั้งที่ศีรษะตัวเองกำลังถูกจัดแต่งทรงให้เรียบร้อยด้วยฝีมือเด็กสาวผมดำ

"อยู่นิ่งๆ สิ เอเลน"

มิคาสะติง เมื่อศีรษะทุยๆ ของเด็กหนุ่มสั่นไปมา เพราะหมุนซ้ายทีขวาทีตามร่างที่ผลุบโผล่ๆ ของใครอีกคนในห้อง

เด็กหนุ่มผมทองเงยหน้าขึ้นมา เมื่อได้ชุดที่เหมาะสมแล้ว

"คงจากพวกทหารที่เเวะมาล่ะมั้งครับ? เพราะเอเลนบอกคนเฝ้าหน้าร้านไว้ใช่ไหมล่ะครับว่าฮันจิซังป่วยอยู่รับแขกไม่ได้"

มือเล็กคลี่กิโมโนสีฟ้าสดใสลายดอกไม้สีขาวและแดงออกมา สะบัดวางคู่กับยูคาตะสีแดงเข้มที่จัดรอไว้

"ถึงเออร์วินซามะจะงานยุ่งจนไม่มีเวลาแวะมาช่วงนี้ แต่ข่าวจากพวกลูกน้องคงปากต่อปากไปถึงน่ะครับ"

เอเลนพยักหน้าเข้าใจ คราวนี้ปิ่นปักผมแฉลบข้างออกไป ใบหน้าคมสวยปรายมองด้วยดวงตาสีดำเข้มดุจัด จนเด็กหนุ่มต้องส่งยิ้มแหยๆ

"เท่านี้ก็พอใช้ได้แล้วล่ะครับ มิคาสะ"

อาร์มินกล่าว เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มถอนหายใจอย่างปลงตกกับความซนคนที่ตนเห็นเป็น 'น้องชาย' ออกมาเฮือกใหญ่

เด็กสาวผุดลุกขึ้นมาปัดชายกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์ลายเถาซากุระอย่างลวกๆ เส้นผมสีดำเข้มสั้นประบ่าถูกรวบขึ้นสูงทิ้งปลายน้อยๆ ตรงข้างแก้ม

มือเรียวสวยฉุดร่างเพรียวของเด็กหนุ่มให้ยืนขึ้นตาม ต่อด้วยอาร์มินที่รวบเครื่องแต่งกายที่จัดไว้ในอ้อมแขนเดินตรงมา

ดวงตาสีเขียวใสมองมิคาสะที่แต่งตัวเต็มยศสลับกับอาร์มินที่ยังอยู่ในชุดยูคาตะสีฟ้าอ่อนธรรมดา

"นายไม่ไปด้วยกันเหรออาร์มิน?"

ใบหน้านวลส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ

"ริโกะซังให้อยู่ช่วยงานน่ะ เอเลนไปเป็นเพื่อนมิคาสะล่ะกันนะ"

โดยไม่เปิดช่องให้คัดค้าน สองหนุ่มสาวช่วยกันรุมแต่งตัวให้อย่างรวดเร็ว เอเลนได้แต่ยืนอึ้งอย่างเหรอหรา

รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในงานเทศกาลซะแล้ว

แสงสว่างจากโคมไฟเรื่อเรืองดุจกลางวัน ร้านรวงตั้งเรียงรายมากมาย มีซุ่มอาหารและการละเล่นต่างๆ นานาละลานตาไปหมด สุดท้ายจากที่อิดออดเพราะเพื่อนสนิทอีกคนที่ต้องอยู่โยงเฝ้าร้าน

เด็กหนุ่มในชุดกิโมโนตัวสวยก็วิ่งเล่นไปทั่วจนพลัดหลงกับเพื่อนสาวที่มาด้วยกันซะแล้ว

มือเรียวช้อนปลาทองในบ่อน้ำเล็กๆ อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย พลางรำพึงในใจ

มิคาสะน่ะ..มิคาสะ

"แทงไปแบบนั้น แทนที่จะช้อนปลาขึ้น จะทำปลาตายซะเปล่า"

เสียงห้าวห้วนดังขึ้นเหนือศีรษะ ฉุดเอเลนที่กำลังจมอยู่ในภวังค์ขึ้นมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง ดวงตากลมโตสีเขียวสดแหงนเงยปรือขึ้นสบกับนัยน์ตาสีเทาจางของคนแปลกหน้าชั่วแวบ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับสิ่งที่ถืออยู่ ช้อนกระดาษที่ใช้ช้อนปลาทองเปื่อยยุ้ยไปหมดซะแล้ว

"อ๊า!"

เอเลนร้องลั่น เงินที่สะสมมาของเข๊าาาาา มือยกขึ้นขยี้หัวที่จัดแต่งมาอย่างดีจนยุ่งเหยิง ด้วยท่าทีห้าวจัดไม่สมกับเครื่องแต่งกายที่ดูสวยงามและเรียบร้อยแม้แต่น้อย

เจ้าเด็กนี่....
นั่งนิ่งๆ ก็ดูน่ารักอยู่หรอกนะ

แต่พอขยับเท่านั้นแหละ...

เป๋อเหลอซะไม่มี

"มานี่ จะสอนให้"

ชายหนุ่มร่างสันทัดในชุดฮากามะสีดำเช่นเดียวหับเรือนผมตัดสั้นทรุดลงข้างเคียงเด็กหนุ่ม ดวงตาสีเขียวใสกะพริบปริบๆ เมื่อมือแข็งแกร่งคว้าจับข้อมือตนอย่างถือวิสาสะ

สัมผัสหยาบกระด้างไม่คุ้นชิน ทำให้ต้องขืนกายหนี แต่คนอุกอาจก็หาได้สะเทือนไม่ ซ้ำยังวาดแขนมาโอบจนแทบจะขังเขาอยู่ในอ้อมแขนเจ้าตัวกลายๆ ซะแล้ว

"เวลาจะช้อนปลาน่ะ อย่าเล็งไปที่ตัวมัน ให้ดูทิศทางที่มันจะว่ายไป"

แต่ก่อนที่จะได้พูดขัดอะไรออกไป เขาก็ได้ยินเสียงใครสักคนเรียกชื่อตัวเองซะก่อน

"เอเลน!"

เป็นน้ำเสียงอันคุ้นเคยพาสายตาให้หันมอง เอเลนลืมตัวผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการสลัดชายหนุ่มที่กอดขังตัวเองไว้อย่างหลวมๆ

ดวงตาสีเทาจางสบกับแววตาคมกริบของเด็กสาวผมดำที่มองสวนมา สื่อความเป็นศัตรูชัดแจ้ง ก่อนมือเรียวบางจะเอื้อมฉุดรั้งเด็กหนุ่มตาสีเขียวมาใกล้

"กลับกันเถอะ เอเลน"

มิคาสะกล่าว ขณะที่กุมกระชับมืออีกฝ่ายแน่น ซึ่งฝ่ายคนโดนถามก็พยักหน้าตอบเป็นเชิงตกลงไปอย่างไม่คิดมาก หากหางตากลับเหลือบมองไปด้านหลัง ราวกับรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมาไม่วางตา

ขนอ่อนลุกชันทั่วร่างอย่างไร้สาเหตุ ดวงตาสีเทาราวหมอกควันนั้นทอประกายประหลาด ดูเผินๆ นั่นนิ่งเฉยและราบเรียบ หากลึกลงไปในสัญชาตญาณที่ร่ำร้อง เขารู้สึกได้ถึงความกระหายในบางสิ่งบางอย่าง


เขา อาร์มิน และมิคาสะเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกขายให้กับสำนักเกอิชาที่เป็นที่พำนักในปัจจุบันราวแปดเก้าขวบ

ปกติแล้วสำนักทั่วไปจะมีเกอิชาเป็นผู้หญิงเท่านั้น มีบ้างที่เป็นผู็ชายแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ไม่ทำงานก็ไม่มีกิน และไม่มีที่ซุกหัวนอน
พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อผู้ดูแลจับหน้าเขาดูซ้ายทีขวาทีแล้วลูบคางอย่างพินิจพิเคราะห์

"ดูรั้น... ท่าทางจะหัวดื้อไม่เบา แต่แขกบางคนชอบพวกช่างเจรจาต่อปากต่อคำ ซ้ำหน่วยก้านดี ผิวสวยขนาดนี้จะให้ไปเป็นคนครัวก็น่าเสียดายไป"

เขาก็เลยได้เป็น 'ไมโกะ' ตามมิคาสะกับอาร์มินแบบงงๆ ซึ่งคนหลังนี่... ด้วยหน้าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย และดวงตาสีฟ้าใสกลมโตดูอ่อนหวานและว่าง่าย ก็ผ่านคุณสมบัติฉลุย คราวแรกคนในสำนักนึกว่าอาร์มินเป็นเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำ

จริงๆ แล้วเอเลนคิดด้วยซ้ำไปว่า การเป็นไมโกะก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร มีข้าวกินอิ่ม หลับนอนสบาย ได้แต่งเนื้อแต่งตัวดีๆ มี 'พี่สาว' ที่น่ารักคอยดูแล

จนกระทั่ง....

เด็กหนุ่มอายุย่างสิบห้าปี ถึงวัยพอที่จะ 'ขาย' ได้แล้ว และด้วยความที่เขาเกิดต้นปี ช่วยไม่ได้เลยที่กำหนดการประมูลจะถูกจัดขึ้นเร็วกว่าอีกสองคน

ใบหน้าเนียนอ่อนเยาวถูกเครื่องสำอางประทินโฉมอย่างงดงาม ยามนี้กลับกันจากที่เคยเป็นฝ่ายดูแลแต่งกายให้หญิงสาว ครานี้กลับเป็นอีกคนที่มาแต่งตัวให้

"ไม่ต้องห่วงนะเอเลน ฉันจะพยายามหาทางช่วย"

ฮันจิกล่าว ขณะที่มือสางเส้นผมนุ่มไปพลาง ดวงตาสีน้ำตาลแดงดูไม่สดใสเช่นที่เคย เพราะรู้ดีว่าขึ้นชื่อว่าการประมูลแล้ว แน่นอน... คนที่มีเงินมากที่สุดก็คือคนที่จะได้ 'พรหมจรรย์' หรือครั้งแรกของเด็กคนนี้ไป สำนักไม่เกี่ยงอยู่แล้วว่าจะเป็นพ่อค้าหน้าเงินจิตทรามหรือตาแก่หื่นกามที่ไหน

ทว่า... เอเลนแทบจะไร้เดียงสากับเรื่องพวกนี้อย่างสิ้นเชิง แม้จะพยายามฝึกสอนทุกอย่างในการเป็นเกอิชา และทำได้ดีไม่แพ้เพื่อนอีกสองคน

แต่เด็กน้อยตรงหน้าไม่เหมือนกัน อาร์มินฉลาดและทันคน คงรับรู้ได้แล้วว่าต้องเจอกับอะไรในภายภาคหน้า ส่วนมิคาสะนั่น.... ความสวยและงดงาม โดดเด่นจับตาจนมีคนใหญ่คนโตจองตัวไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว

เอเลนซื่อ... และคิดอะไรง่ายๆ เหมือนเด็กทั่วไป ไม่ได้ฉุกใจเรื่องของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นและตัวเองจะเสียอะไรไป

"เออร์วินดันไม่อยู่ซะนี่ ไม่งั้น...ฉันจะขอให้หมอนั่นช่วยประมูลเธอ"

อย่างน้อยๆ ก็มั่นใจได้ว่า 'เพื่อน' ของเธอต้องไม่ทำอะไรรุนแรงให้เด็กคนนี้หวาดกลัวหรือเจ็บช้ำ

เออร์วินเป็นคนจิตใจดีแล้วก็อ่อนโยน

ครั้งเมื่อคราวที่เธอตกอับจากตระกูลซามูไรสูงศักดิ์ที่สิ้นทายาทชาย จนต้องขายลูกสาวกิน คนคนนั้นก็พยายามช่วยเหลือสุดกำลังที่ตอนนั้นจะทำได้

แต่สุดท้าย...

มือที่แปรงผมให้เด็กหนุ่มชะงักลง เธอไม่อยากเห็น...และไม่ต้องการให้เด็กน้อยที่รักเอ็นดูเหมือนน้องชายต้องประสบชะตากรรมเช่นกัน

บาดแผลของร่างกายอาจเลือนหายไปตามกาลเวลา

หากบาดแผลในจิตใจ....
บาดแผลที่มองไม่เห็นนั้น.... มันจะยังคงอยู่ติดตัวเราร่ำไป

"ฉัน..." ....พอจะช่วยอะไรเธอได้มั้ยนะ?

"นี่.. เอเลน" ฮันจิเรียก ดวงตาสีเขียวสดใสที่เปล่งประกายระยิบระยับราวกับลูกแก้วคู่นี้ เธอไม่อยากเสียมันไปเลยจริงๆ

"ได้เวลาแล้ว..."

เสียงเนิบนาบฟังดูไร้อารมณ์ ตามติดมาหลังเสียงประตูบานเลื่อนที่ถูกเปิด หญิงสาวผมสีน้ำตาลออกแดงกำหวีในมือแน่น

เธออยากช่วย.... อยากช่วยเอเลนจริงๆ แต่ลำพังเงินเก็บติดตัว ถึงแม้จะเป็นโอยรันอันดับต้นๆ ของสำนักก็ใช่ว่าจะมีมากมายพอจะไปประชันแข่งประมูลกับเหล่าเศรษฐีหื่นกระหายนั่น

"ริโกะ"

ยิ่งคนตรงหน้าเป็นผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเถรตรงและไม่ยอมมีนอกมีในหรือเล่นลูกไม้อะไรทั้งนั้นยิ่งอับจนหนทาง

มือเรียวยาวของเด็กหนุ่มกำลังโตวางลงบนลาดไหล่บาง บีบเบาๆ ราวกับหวังจะให้วางใจ

"ผม...ไม่เป็นไรหรอกครับ จะพยายามอดทน"

รอยยิ้มจางๆ ผุดบนริมฝีปากสีแดงอมส้มได้รูปสวยนั่นอย่างช้าๆ

"ฮันจิซังเอง... ไม่ต้องกังวลนะครับ"


เอเลนตัดสินเดินตามหญิงสาวร่างเล็กนัยน์ตาดุที่มาด้วย โดยเลือกไม่สนใจหรือมองกลับหลังไปหาฮันจิซังที่ยังคงส่งสายตาเป็นห่วงไล่ตามมาทุกฝีก้าว

เด็กหนุ่มรู้ตัวดีว่าสิ่งที่ต้องเผชิญต่อไปมันโหดร้าย... แต่ในสำนักแห่งนี้ไม่ได้สอนเพียงการร่ายรำหรือเอาใจแขกเท่านั้น ได้สอนความเป็นจริงของโลกให้แก่เขาด้วย

ไม่มีสิ่งใดได้มา โดยไม่ต้องตอบแทน

ให้ที่ซุกหัวนอน ให้อาหาร ก็ย่อมทำงานตอบแทน

มือเรียวกำแน่นจนข้อขึ้นขาว แม้ว่าสิ่งที่ต้องทำนั่นจะไม่ต่างอะไรกับการขายศักดิ์ศรี....ขายร่างกายของตนก็ตามที

"เอาน่า... แต่ทีสองทีมันไม่ถึงกับตายหรอก"

เด็กหนุ่มในชุดกิโมโนสวยงามเอ่ยกับตัวเอง อาภรณ์งดงามที่สวมใส่ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

กิโมโนตัวยาวสีเขียวอมฟ้าเข้มตัดกับลายเถาดอกเหลืองอ่อน รับกับดีกับผิวเนื้อสีแทนอ่อนนวล และดวงตากลมโตสีเขียวสดใส ดวงหน้าอ่อนใสถูกจับแต่งประทินโถมด้วยแป้งขาวจนบิดบังผิวเนียนละเอียด โดดเด่นด้วยริมฝีปากแดงเข้มจากเครื่องสำอาง

ราวกับตุ๊กตา...ที่ต้องตกแต่งอย่างสวยงามที่สุดในวันประกาศขาย

ทำไมฉันต้องมาในที่แบบนี้ด้วย?

รีไวคิด ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่สื่ออารมณ์ใด แม้บรรยากาศรอบตัวจะลดต่ำไปหลายองศาแสดงถึงสภาพอารมณ์อันไม่ปกติของเจ้าตัวเป็นอย่างดี

"มีแต่พวกหมูตอนอยากกินเนื้อสด..."

เรียวปากบางขยับเอ่ยคำออกมาเพียงคำเดียว หากความหมายกลับเล่นเอาลูกน้องคนสนิทข้างตัวสะดุ้งโหยง

"รีไวซามะ!"

แต่ก็อุทานได้เพียงนามของเจ้านายเท่านั้น เนื่องด้วยสายตาสีเทาจางปรายดุมาสกัดกั้นคำประท้วงไว้ซะก่อน

เอิร์ดแอบเหงื่อตกเล็กน้อยกับความตรงไปตรงมาของเจ้านาย...ท่านหัวหน้าทหาร ติดแต่ม่านของเวทีที่ถูกยกพื้นสูงตรงกลางในโรงละครแห่งนี้ได้ถูกคลี่ลงมาซะก่อน

ไฟที่ได้จุดไว้ตามที่นั่งถูกนับลงไปทีละดวงสองดวง พร้อมกับแสงสว่างที่มีค่อยๆ ถูกย้ายไปยังกึ่งกลางเวทีนั่นแทน

การแสดงของ 'ไมโกะ' หรือว่าที่ 'เกอิชา' คนใหม่ของสำนักอันดับหนึ่งแห่งเกียวโตกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

ดวงตาสีเขียวสดใสที่เปล่งประกายมีชีวิตชีวาและหลากหลายอารมณ์ในชั่วพริบตานั่น นี่ค่อยๆ เปิดลืมอย่างเชื่อมช้านั่น

สะกดสายตาจนแทบลืมหายใจ

ไม่ผิดแน่... เด็กนั่นเป็นเจ้าเด็กที่นั่งเล่นช้อนปลาทองในงานเทศกาลเมื่อสามปีก่อนคนนั้น

ร่างสูงโปร่ง....ในชุดกิโมโนรุ่ยร่ายขยับเคลื่อนหายพลิ้วไหวไปตามจังหวะของเครื่องดนตรีที่บรรเลงคลออย่างอ่อนช้อย

มือสะบัดชายกิโมโนสีเขียวครามให้เลื่อนไหลไปตามบทเพลงราวกับเกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้าชายหาด

หนักบ้าง...เบาบ้าง...

ในทุกท่วงท่าชวนให้ติดตาม...
และเฝ้ามองไม่คลาดคลา


"เอเลน...สินะ"

ชื่อที่ได้ยินเพียงครั้งเดียว หากติดตรึงในใจไม่เสื่อมคลาย

แต่ในวินาทีที่ขาเรียวยาวนั่นจะก้าวข้ามจากพื้นเวทีสู่ขั้นต่ำลงมา เกตะหรือรองเท้าไม้ทรงสูงของเจ้าตัวนั่นยกไม่พ้นจากขอบแท่นเวที ทำให้ร่างของเด็กน้อยผวาร่วงจากเวที

ความสูงที่มีอาจไม่มากนัก แต่จากเครื่องแต่งกายที่รุ่มร่ามนั่นไม่สามารถทำให้เจ้าของร่างนั่นเคลื่อนไหวได้ถนัดพอจะหลบเลี่ยงหรือเบี่ยงตัวเองให้บาดเจ็บน้อยลงกว่าเดิมได้

รีไวรู้สึกอีกที ก็รับรู้ได้ว่าร่างของตนโดดพุ่งหลาวสุดตัวไปหาร่างนั้นซะแล้ว

สัมผัสของเนื้อผ้าดีเนียนลื่นติดจะเย็นนิดๆ จากอากาศของต้นฤูดูหนาว ในอ้อมแขนของหัวหน้าทหารหนุ่มเป็นร่างของ 'ไมโกะ' ผู้บริสุทธิ์

ดวงตาสีเขียวใสที่สะกดใจให้จับจ้องไม่วางนั่นกะพริบปริบ...มองค้างด้วยความตื่นตะลึงปนเปไปด้วยความโล่งใจส่วนหนึ่ง

เสียงฮือฮาอื้ออึงมาจากผู้คนมากมายที่เร้นกายอยู่ในความมืดมิด คำพูดซูบซิบนินทาถึงตัวเขาและคนในอ้อมแขนแว่วมาต้องโสตประสาทเป็นระยะ

"ยืนไหวมั้ย?"

ชายหนุ่มถาม แต่กลับไม่รอคำตอบแม้แต่น้อย มืออีกข้างช้อนเข้าตรงใต้ช่วงเข่าของร่างสูงเพรียว แล้วยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้ว

"จะไปแบบนั้นไม่ได้นะคะ รีไวซามะ"

เสียงราบเรียบจังหวะเดียว เอ่ยรั้งฝีเท้าที่กำลังจะพาร่างตนและคนที่โอบอุ้มอยู่ห่างออกไปจากเวทีแสดง ซึ่งหลังจากการร่ายรำเมื่อครู่จบลงก็จะแปรเปลี่ยนเป็นเวทีประมูลต่อไป

ร่างที่ไม่สูงใหญ่ หากได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินเบือนสายตามาสบกับเจ้าของเสียงเล็กน้อย

"เด็กคนนั่นเป็น 'ไมโกะ' ของทางสำนักเราเจ้าค่ะ ต่อให้เป็นท่านหัวหน้าทหารก็พาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"

"เด็กคนนั้นมี 'งาน' ที่ต้องทำอยู่นะคะ นายท่าน"

นัยน์ตาสีเทาคมกริบทวีความเยียบเย็นขึ้นอีกราวสิบส่วนเมื่อถึงประโยคนี้ พร้อมกับรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะท้านของร่างที่ประคองไว้ในอ้อมแขน

นั่นยิ่งทำให้เขา....ไม่อาจปล่อยมือ

มันคงเป็นเรื่องงี่เง่าชวนหัวหรือขี้ปากของใครต่อใครไปอีกหลายคราว

ว่าท่านหัวหน้าทหารที่ทั้งนางในและสตรีทั่วนครล้วนยินยอมทอดกายให้ กลับมาตกบ่วงของ 'ไมโกะ' ที่ยังไม่ประสีประสาตั้งแต่คราแรกที่เห็นเช่นนี้

แต่รีไวรู้ตัวดี....
หากปล่อยร่างของเด็กน้อยไปให้ใครอื่นเชยชมแล้วล่ะก็ ตัวเขานี่แหละที่จะเสียใจไปชั่วชีวิต


ทั้งต่อสำนึกผิดชอบชั่วดีในใจ
และทั้ง...

ความต้องการของตัวเอง

"เท่าไหร่?"

สองพยางค์ห้าวห้วน กระชับได้ใจความตรงตามสถานการณ์ไม่อ้อมค้อม น้ำเสียงที่เอ่ยโพล่งออกไปอาจจะไม่ดังนัก แต่ก็ไม่เบาจนไม่ได้ยิน

รอยยิ้มสมใจผุดขึ้นบนเรียวปากสีแดงชุ่มฉ่ำด้วยเครื่องประทินโฉมชั้นเลิศ หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของสำนักเกอิชาแห่งเกียวโต ยกพัดขึ้นป้องปากแล้วหัวเราะแผ่วเบา

"ต่อให้เป็นรีไวซามะก็เถอะน่ะเจ้าค่ะ แต่ทำ 'ของชั้นดี' มีตำหนิก่อนส่งแบบนี้ คงว่ากันด้วยราคาธรรมดาไม่ได้หรอกนะคะ"

คิ้วเรียวสีเข้มจัดขมวดหม่น ไยเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวมากเล่ห์ตรงหน้ากำลังเล่นลิ้น แต่ทางเลือกที่จะไม่เสียเปรียบนั่นไม่มีเลย หรือถ้ามีก็คงโดนกลลวงทำให้เพลี่ยงพล้ำในตอนท้ายเอาได้

อสรพิษร้ายที่แท้ล้วนแฝงกายอยู่ในคราบอาภรณ์ที่หรูหรางดงาม

ชายหนุ่มเยาะหยันในใจ โดยปกติแล้วเขามีวิธี 'จัดการ' คนจำพวกนี้ให้หลาบจำอยู่ไม่น้อย แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่อำนวยให้ทำได้สะดวกนัก

จำต้องเล่นตามบทที่อีกฝ่ายวางไว้

"คุยกับลูกน้องฉันเอาเองล่ะกัน เอิร์ด"

เรียกสั่งลูกน้องคนสนิทที่ไว้ใจและฝากฝังได้มาใกล้

"จัดการไปตามที่ทางนั้นเรียกร้อง"

เสียงทุ้มต่ำกล่าวสั้น หากสายตากลับสื่อความนัยแฝงเร้นไปอีกประการ

...แต่อย่าให้เสียเหลี่ยมจนเกินไปนัก

ซึ่งคนสนิทก็รับรู้คำสั่งอันไร้เสียงนั่นได้ไม่ยากนัก

"ฉัน...ไปได้แล้วสินะ?"เอ่ยถามลอยๆ เวลานี้ความสนใจต่อกลุ่มคนเบื้องล่างถูกย้ายไปยังเวทีการแสดงด้านบนแล้ว

แสงสลัวเจือจางจากดวงจันทรที่ลอยเด่น ท่ามกลางนภาไร้เมฆสาดส่องลงมาเป็นริ้วสีขาวจางๆ
ชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทหารฝ่ามือที่กุมกระชับเสื้อนอกเขาไว้แน่น...

มันสั่นไหว เช่นเดียวกับร่างของเด็กน้อย...

ปลายหางตาเห็นร่างของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งมาค้อมกายข้างตัว

"เชิญทางนี้เจ้าค่ะ นายท่าน"

...นำทางสินะ

รีไวคิด คงตัดปัญหาเรื่อง 'ใช้แล้ว' ไม่ส่งคืนของล่ะสิ

ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำเอ่ยนั่น ก่อนจะสาวเท้าไปตามทางเดินสู่ห้องที่จัดเตรียมไว้


กึก....

เสียงเลื่อนปิดของบานประตูไม้ที่กรุด้วยกระดาษสาไม่ดังนัก หากเรียกอาการสะดุ้งสุดตัวให้แก่ร่างของเด็กน้อย

เปลวเทียนให้ความสว่างสลัวเพียงเลือนรางส่ายไหวเป็นเงาวูบวาบอยู่ภายในโคมไฟมุมห้อง

ดวงตาสีเทาเปรยมองฟูกนอนผืนหนาที่ถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย ข้าวของในห้องมีไม่มากมายนัก แค่โถเครื่องหอมที่ถูกจุดไว้ แล้วขวดน้ำมันหอมระเหยเท่านั้นเอง

ชายหนุ่มปล่อยร่างในอ้อมแขนลงบนผืนผ้านุ่มอย่างระมัดระวัง กิริยาทะนุถนอมราวกับเด็กน้อยเป็นเครื่องแก้วแสนเปราะบาง ปล่อยให้ร่างสูงโปร่งของคนอายุน้อยกว่าถอยร่นไปตามฟูกนอนที่ปูไว้เรียบร้อย จนยับย่น

"อย่าเกร็ง.... ฉันจะพยายามไม่รุนแรง"

รีไวกล่าว ขณะประสานสายตากับดวงตาสีเขียวใสตรงหน้า มันวาววับราวลูกแก้ว ยามต้องแสงไฟสลัว

ราวกับล่อลวงให้หลงใหล เหมือนแมงมุมที่ไล่ตามผีเสื้อแสนสวย

เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ไม่คิดว่าตัวเองจะกลัวขนาดนี้มาก่อน ในอกรู้สึกได้ถึงแรงบีบอัดของหัวใจที่เต้นระรัวประหนึ่งจะทะลุออกมา

"คะ...คือ... ผม..."

เสียงที่เอ่ยออกไปสั่นพร่าราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเองที่เคยได้ยิน

"ไม่ต้องกลัว"

ปลายนิ้วสากแตะลงข้างแก้มขาวจัดด้วยเครื่องแป้ง ไม่สบอารมณ์เล็กน้อยกับสิ่งแปลกปลอมบนผิวเนื้อเนียน

เขาอยากสัมผัส....อยากแตะต้อง...

ของจริง...
ไม่ใช่สิ่งปรุงแต่งขึ้นแบบนี้

"ขอผ้าสะอาดๆ กับน้ำอุ่น"

เสียงห้าวห้วนสั่ง ชายหนุ่มรู้ตลอดว่ามีคนของสำนักรออยู่ในบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องนี้เท่าไหร่นัก

แววตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นกับสิ่งที่ได้ยิน เอเลนพยายามทำใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
หากไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครสักคนที่ตนอาจจะรู้จักอยู่เบื้องหลังบานประตูนั่น

ปลายนิ้วทั้งสิบกำผืนผ้าที่รองรับตัวเองแน่นจนข้อมือสั่น

แต่เพียงไม่นานนัก...
ความชื้นแฉะก็ทาบทับลงมาบนผิวหน้าซะก่อน

"อ๊ะ...ไม่ต้องครับ!"

เจ้าของร่างอุทานลั่น เมื่อ 'นายท่าน' ที่ประมูลได้ตัวเขามากำลังเช็ดใบหน้าให้อย่างนุ่มนวล มือยกขึ้นปัดป้องอีกฝ่ายเป็นพัลวัน หากอีกคนหาได้สนใจไม่ ใช้มือตนจับรวบสองมือของเด็กน้อยไว้ ส่วนอีกข้างยังคงบรรจงแตะผ้าชื้นหมาดลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์ต่อไปอย่างตั้งใจ

ประกายตาสีเทาเรียบเฉยและจริงจัง ส่งผลให้คนอายุน้อยกว่าเกรงใจจนเงียบเสียงและหยุดต่อต้านไปโดยปริยาย

ใช้เวลาไม่นานนัก...
เครื่องแป้งและสีแดงสดเข้มที่ถูกแต่งแต้มนั้นก็หายไปอย่างหมดจด

หลงเหลือเพียงผิวเนื้อนวลเนียนกรุ่นกลิ่นไอหอมสะอาดเท่านั้นเอง

ผ้าผืนไม่หนาไม่บางค่อยๆ ลากไล้ไปตามผิวหน้า...เย็นชื้นให้ความรู้สึกประหลาดพอควร

เอเลนเป็นเด็กรับใช้ โตมากับการดูแลคนอื่นและถูกใช้งาน ไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน จริงอยู่ที่ฮันจิซังเอ็นดูเขาเป็นพิเศษ อาจมีจับแต่งตัวโน้นนี้หรือหยอกล้อเล่นหัว

แต่ไม่เคย...ทำอะไรแบบนี้ให้

เปลือกตาบางปิดลงอย่างเชื่อมช้า เมื่อผืนผ้ามาหยุดลงหัวตา ครานี้แต่ซับลงแผ่วเบาไม่ลากปาดเช่นเดียวกับผิวเนื้อส่วนอื่น

พริบตาเดียว หากเนิ่นนานนักในความรู้สึก...

เด็กหนุ่มเปิดตาขึ้นลืมทีละน้อยอย่างช้าๆ เพียงเพื่อพบว่าดวงตาสีเทาจางคมกริบที่แลเห็นในคราแรกนั้นลอยเด่นตรงหน้าใน ระยะจวนเจียนจะแตะต้องกัน

ลมหายใจอุ่นระรดลงบนปลายจมูกและใบหน้าจนแก้มร้อนผะผ่าว

เอเลนประหม่า.... ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หลับตาปี๋แบบคนไม่รู้จะทำยังไงดี

หากในความเงียบสงัดที่สงบนิ่งจนได้ยินเสียงจิ้งหรีดและเรไรร้องแว่วมานั่น หูรับรู้ถึงเสียงชื้นแฉะในจังหวะเดียวกับที่เปลือกตาสัมผัสได้ถึงปลายลิ้น อุ่นร้อนที่แตะต้องลงมา

ร่างเพรียวสมส่วนเกร็งแข็งขึ้นในทันที ยิ่งลิ้นนั้นลากไล้ไปมาบนเปลือกตาย้ายจากซ้ายไปข้างขวา ก่อนส่งนิ้วมือลงมาลูบผ่าน เขาก็พบว่าตัวเองยิ่งสั่นเข้าไปอีก

"ลืมตาสิ... ฉันอยากเห็นเธอชัดๆ" เสียงทุ้มต่ำลึก ฟังดูพร่าเลือนกระซิบข้างขมับ ก่อนจะขบเม้มเพียงนิดบนใบหูเล็ก ขณะรั้งมือเรียวที่กระชับผืนฟูกหนาแน่นมากระชับไว้

รีไวยิ้มบาง อดขำไม่ได้กับท่าทีไม่ประสีประสาและเขินอายของเด็กตรงหน้า

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขา 'นอน' กับเด็กน้อยที่ไม่เคยผ่านมือชายใด แต่กับเด็กคนนี้ปฏิกิริยาที่แสดงออกมาอย่างซื่อตรงนี่มันชวนให้เอ็นดู และทั้งน่าใคร่น่ารังแกไปพร้อมๆ กัน

"เอเลน...."

จึงลองเรียกชื่อ...ให้ใจสั่นเล่น แสร้งทิ้งหางเสียงลากยาวราวกับกำลังอ้อนหรือวอนขอ

ได้ผลแทบจะในทันที ดวงตาสีเขียวใสที่สะกดสายตาให้เขาจับจ้องแต่แรกเห็นเปิดลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกายในดวงตาระริกไหวอย่างเห็นได้ชัด

"ผะ...ผม ไม่รู้...ว่าต้องทำ...อะไร"

ซ้ำคำพูดที่เอ่ยออกมาก็ยิ่งเพิ่มพูนความรื่นรมย์ให้อีกโข

....ยั่วเย้าโดยไม่รู้ตัว ไร้เดียงสาเชิญชวนให้หยอกเย้า

นายทหารหนุ่มแกล้งรวบมือที่ตนกุมไว้ก่อนหน้ามาจรดจ่อที่ริมฝีปากตัวเอง แล้วค่อยๆ แนบจูบลงไปตามข้อนิ้วทีละนิ้ว...ทีละนิ้ว จบด้วยลากพาลมหายใจอุ่นๆ ตามลงไปคลอเคลีย
กระแสความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยประประสบแล่นพล่านจากปลายนิ้วที่โดน สัมผัสจนขนอ่อนทั่วร่างลุกชัน ผิวกายสั่นสะท้านประหลาด เอเลนเม้มริมฝีปากเเน่น แต่ไม่อาจปิดกลั้นเสียงร้องที่เหมือนเสียงเครือครวญได้

"อี๋!" มันเล็ดรอดออกมาให้เจ้าของเสียงได้อาย.... ใบหน้านวลเนียนแดงก่ำ ยิ่งสบกับดวงตาสีเทาจางของผู้ที่เงยสบมายิ่งสะท้านเฮือก

"ไม่ต้องคิดอะไร ทำตามที่ฉันบอกก็พอ"

เด็กน้อยพยักหน้าตามด้วยความใสซื่อ รู้สึกวางใจกับน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนของคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

ร่างถูกดันให้นอนราบไปบนฟูกหนานุ่ม ชายกิโมโนสีเข้มตกลงจากตำแหน่งเดิม เผยลาดไหล่กลมมน
และเมื่อไล่สายตาขึ้นไปก็พบช่วงไหปลาร้าและลำคอเพรียวสีอ่อน

มือของเด็กน้อยกระชับรั้งชายผ้าเข้าหาตัว แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไร มันยิ่งแหวกกว้างเข้าไปอีก กลายเป็นว่าเปิดเผยผิวกายให้เขาเห็นมากขึ้น

ขาเพรียวสมส่วนชัน ยามเจ้าของร่างลงไปทอดนอนเต็มกายขดตัวราวกับเด็กตัวเล็กๆ

นัยน์ตาสีเขียวที่มองสบมามีรอยหวั่นไหนเจือจาง หากริมฝีปากบางที่เม้มแน่นนั่นแสดงชัดว่าเจ้าตัวกำลังข่มกลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง

"เด็กดี"

รีไวเอ่ยชม ขณะที่ยันร่างเท้าคร่อมอีกฝ่ายไว้ มือสากแตะลงที่ข้างแก้มเนียนอีกฝ่าย ก่อนโน้มใบหน้าลงแนบจูบเบาๆ พลางเป่าน้อยๆ บนหน้าผากคนอายุน้อย

ตรงข้ามกับมือข้างที่ว่างค่อยๆ ไล้สัมผัสจากหัวเข่าไต่ขึ้นมาถึงปลายกิโมโนที่ระอยู่ด้านล่างสีเข้มของ กิโมโนสลับกับสีอ่อนของยูคาตะเรียงตัวสวยบนช่วงขาเรียวเพรียว เลื่อนสูงขึ้นไปเรื่อยจนสัมผัสได้ถึงส่วนอ่อนไหวใต้ร่มผ้า ปลายนิ้วสะกิดเล็กน้อย แต่หากเรียกอาการสะท้านแรงจากเจ้าของร่างได้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อนิ้วทั้งห้าเข้ากอบกุมจุดไวสัมผัส ขาทั้งสองข้างยิ่งสั่นระริกมากขึ้นไปอีก

ปลายหางตามีหยดน้ำใสกลิ้งหล่นมาตามแนวขมับ พร้อมกับริมฝีปากบางที่พยายามหอบหายใจ เสียงครางครวญแผ่วในลำคอเหมือนแมว

รีไวเหยียดยิ้ม พลางกระตุกไวสิ่งที่อยู่ในอุ้งมือ ขยับรูดรั้งไปตามส่วนสัดอันร้อนผ่ะผ่าวขึ้นแข็งชันขึ้นมือชื้นแฉะ ส่วนอีกข้างที่ว่างวางลงบนหัวไหล่มน ลาดมือลากพาสาบเสื้อด้านบนให้ร่นหล่นลงมาจรดข้อแขน

ในยามนี้แม้สายโอบิจะยังคงพันรอบเอวไว้อย่างแน่นหนา หากทั้งช่วงบนและช่วงล่างกลับถูกเปิดเผยให้เห็นชัดกระจ่างผ่านดวงตา

มือสากหนาผละจากส่วนอ่อนไหว ทิ้งให้เด็กน้อยหอบระรัว ใบหน้าเนียนเริ่มชุ่มเหงื่อและแดงก่ำด้วยฤทธิ์กำหนัดซึ่งไม่เคยประสบ

แววตาสีเทาคมกริบไล่พิจารณาตั้งแต่ปลายข้อเท้าเพรียวขึ้นไปตามเรียวขาสมส่วนถึงโคนขาอ่อน ยันแผ่นอกบานราบและลาดไหล่กลมมน

ผิวเนื้อนวลเนียนสีส้มอมแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดดูไม่ต่างจากเนื้อชิ้นหวาน นุ่มลิ้นชวนให้กัดเลาะเล็ม

ใจหนึ่งอยากขย้ำกินให้สมอยาก แต่อีกใจก็อยากประวิงเวลา...ค่อยๆ ดูดดื่มไปกับผิวกายนิ่มหอมสะอาดอย่างละเมียดละไม

มือหนึ่งคว้าจับข้อเท้าเพรียวมาใกล้ ดวงตาคมเสยมอง ก่อนหลุบลงต่ำ แล้วกัดเบาๆ ตรงปลายเท้า ตั้งแต่นิ้วโป้งไปจรดน่องเพรียว เส้นประสาทเต้นพล่านจนถึงไขสันหลัง ลิ้นที่แลบเลียผิวเนื้อรับรู้ได้ถึงขนอ่อนที่ลุกชันทั่วร่างเด็กน้อย

กรุ่นกลิ่นละมุนละไมของน้ำอบหอมกำจายเบาบาง สะอาดหมดจดกระทั่งส่วนต่ำสุดของร่างกาย

คง...ทำความสะอาดมาอย่างดีสินะ

เขาคิด ขณะมาหยุดที่โคนขาอ่อน ผิวใต้ร่มผ้าดูจะขาวกว่าส่วนที่โดนแดดลมเล็กน้อย มันนุ่ม...จนอดไม่ได้ที่จะขบฝากรอยไว้สักหน่อย

"อ๊ะ!"

เสียงหวีดร้องแว่วมาจากริมฝีปากที่เก็บกักอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ดวงตากลมโตที่เผลอประสานสบกันเข้าพอดีนั่นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
และตื่นเตลิดมากขึ้นอีก เมื่อโดนพรมจูบไปทั่วหน้าขา ลามไล้ไปถึงหน้าท้องแบนราบ ซึ่งพอกดจูบลงไปหนักเข้า ร่างก็ยิ่งไหวแรงขึ้นอีก ราวกับไฟที่ถูกจุดขึ้นทีละน้อย ร่างทั้งร่างค่อยๆ ร้อนขึ้น กระแสความรู้สึกร้อยผ่าวประหนึ่งจับไข้ลามเลียไปทั่วกาย มันรุ่มร้อน...ชวนให้คนอ่อนเดียงสาน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี

มือไม้ป่ายเปะปะไปตามผืนผ้าเนียนลื่น จะผลักไสหรือจะแตะต้องตัวอีกฝ่ายเพื่อห้ามปรามเด็กหนุ่มก็ไม่กล้าและไม่มีสิทธิ์จะทำด้วย

เขาถูก 'ซื้อ' ไว้แล้ว.... เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะเลยด้วยซ้ำ

"ไม่ต้องกลัว"

เสียงทุ้มต่ำ....ดังประชิดริมหู ถ้อยคำและน้ำเสียงช่างอ่อนโยนและนุ่มนวลพาลให้อบอุ่นขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ใจที่เต้นแรงค่อยๆ สงบลง เอเลนปรือตาขึ้น....ช้าๆ ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าตัวเองร้องไห้ กระทั่งมือเรียวยาวของอีกฝ่ายเอื้อมมาปาดเช็ดให้ และเล็มเลียราวกับจะปลอบประโลม

"ถ้าทนไม่ไหว...ก็กอดฉันแน่นๆ"

ซ้ำยังประคองสองมือเขาคล้องคอตัวเอง มือเรียวบางวางลงบนเสื้ออีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ซ้ำยังสะดุ้งเฮือก เมื่อมือของคนตรงหน้าเลื่อนหายไปใต้ชายเสื้อกิโมโนตัวเอง

"ผะ...." เสียงเอ่ยยังไม่ทันได้เล็ดรอดออกมาครบคำ เรียวปากสีแดงอมส้มอ่อนจางก็ชิงถูกทาบประกบด้วยจุมพิตของใครอีกคนซะก่อน

เล็บคมจิกลงบนแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัวด้วยอารามตกใจ หากรีไวไม่ผ่อนปรนหรือปล่อยให้อีกฝ่ายสามารถตักตวงอากาศและสติเลยสักนิด ฉวยโอกาสที่เรียวปากบางนั่นเผยออ้าออกเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานของโพรง ปากนุ่มอุ่นอย่างตะกรุมตะกราม กัดลิ้นน้อยที่ถดถอยหนี ก่อนจะเข้าจู่โจมรัดพันดูดดื่มจนร่างในอ้อมแขนอ่อนระทวยโรยแรงไม่อาจต่อต้าน
รีไวถอนริมฝีปากมาครู่เดียวเพียงเพื่อให้ร่างด้านใต้ได้พักหายใจเล็กน้อย เอเลนก็หอบรัวหายใจเข้าออกจนแผ่นอกกระเพื่อมไหวอย่างน่ากลัวว่าจะสำลักลม หายใจตัวเองไป
ใบหน้าใสแดงระเรื่อไปทั่วทั้งผิวหน้า ซ้ำเรียวปากบางก็บวมช้ำชัดเจน จากสีเดิมที่ออกส้มอมแดงน้อยๆ เป็นสีแดงสดช้ำๆ ไปซะแล้ว น่ากิน.... ซะจนอดทนรอไม่ไหว

"นะ..นาย...ทะ..."

ร่างเพรียวหอบสั่นบิดเร่าอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ มือที่ไล้สัมผัสปลุกเร้าอยู่ใต้ร่มผ้ากลับเร่งจังหวะถี่กระชั้นไม่ผ่อนปรน รวดเร็ว....กระชากรั้งราวกับจะฉุดลากกันไปถึงฝั่งฝันในพริบตา

หยาดน้ำตาเอ่อคลอตรงหน่วยตาสีเขียวใส ความสับสนและอัดอั้นจากอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นและโหมกระพือราวเพลิงที่ผลาญเรือนกายให้ร้อนรุ่ม

ของเหลวสีขาวขุ่นถะถั่งออกมาเต็มฝ่ามือเขา รีไวไม่รีรอสักครึ่งนาทีก็ใช้นิ้วที่เปรอะเปื้อนคราบหยดเยิ้มเหล่านั้น สะกิดไต่ไปยังตามบั้นท้ายนิ่ม สอดเข้าไปในช่องทางคับแคบ แทรกผ่านโพรงที่รัดแน่น...ฝืดจนผ่านเข้าไปได้เพียงข้อนิ้วเดียวเท่านั้น

"ไม่พอ...สินะ"
ร่างในอุ้งมือเกร็งจนสั่นอีกครา

แต่ชายหนุ่มไม่อาจเก็บกลั้นอารมณืไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ท่อนล่างเขาปวดหนึบ มันอัดอั้นและเข้าไปสัมผัสภายในร่างกายอันหอมหวานเบื้องหน้า อยากฉีกกระชากปราการแสนบริสุทธิ์นี้ให้ขาดวิ่น ให้ร้องร่ำครวญไห้ อ้อนวอน

แต่ว่า.... มันโหดร้ายเกินไป
เขาไม่อยากให้สายตาที่มองมาในภายหลังมีแต่ความหวาดกลัวต่อตนเอง

มือแกร่งรั้งกอดเอวเด็กน้อยไว้อย่างหลวมๆ มือปัดป่ายหาน้ำมันหอมที่ถูกจัดวางไว้ ก่อนใช้ปลายนิ้วโป้งสะกิดเปิดมันออกมาโดยแรง

และเมื่อน้ำมันสีใสค่อนข้าวเหลวหนืดไหลเยิ้มไปตามง่ามนิ้วจนชุ่มโชกตามความ ต้องการแล้ว เขาก็ใช้มันเบิกทางเข้าสู่ร่างกายอ่อนเดียงสาอีกครา

"จะ...เจ็บ" เด็กน้อยหอบหายใจ และครางเสียงสั่น ซ้ำยังพยายามจะถดกายหนีไปจากเงื้อมมือ หากไม่อาจไปไหนพ้นจากพันธนาการที่รัดพันร่างกายไว้ได้

เขาใช้หัวเข่าดุนดันสะโพกเพรียวให้ลอยขึ้นสูง ในตำแหน่งที่พอเหมาะ ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มจัดซุกซบลงบนบ่ากว้าง เมื่อตั้งสติได้ว่าตนไม่มีสิทธิ์หนีหรือขัดขืนก็จำยอมหยุดนิ่งไปในทันที

กลิ่นผมอ่อนๆ จากเครื่องหอมผสมกับกลิ่นเส้นผมนุ่มสลวยที่คลอเคลียใกล้โสตประสาทพาให้จิตใจ เคลิบเคลิ้ม แต่ฝ่ามือก็ยังคงสอดแทรกเข้าไปในช่องทางแสนบริสุทธิ์ต่อไป เพื่อเตรียมพร้อมให้มันสามารถรองรับตนเข้าไปได้

รีไวได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วจาง ขณะที่เคล้นคลึงนวดไปตามช่องทางอ่อนนุ่มที่เริ่มขยับขยายนั้น

มือใหญ่ปล่อยร่างเพรียวจากอ้อมกอดตน ให้นอนหงายลงบนฟูกนอนหนานุ่ม ใบหน้าแดงระเรื่อชุ่มน้ำตาน่าจะชวนให้หดหู่หรือสงสาร แต่ในยามนี้มันกลับกระตุ้นเร้าระคนยั่วเย้าผู้เฝ้ามองอย่างประหลาด

สองมือยึดจับหน้าขาของเด็กน้อยไว้มั่น

"อย่าเกร็ง"

เอ่ยเตือนสั้นๆ ก่อนจะดึงรั้งร่างนั้นเข้ามาใกล้ แล้วฝังความต้องการอันร้อนรุ่มที่เฝ้ารอการปลดปล่อยมาเนิ่นนานลงในช่องทาง คับแน่นนั้น!

"อึ่....."

เสียงกรีดร้องหายไปกับผืนผ้าใต้ร่างเด็กหนุ่ม เจ้าตัวฝังใบหน้าตัวเองลงกับมันและกัดผ้าไว้แน่น เอเลนผวาเฮือก สั่นไปทั้งตัว ยามที่ถูกส่วนสัดอันแข็งขืนร้อนผ่าวนั้นสอดแทรกเข้ามาก เจ็บปวดไปถึงไขสันหลังราวกับจะถูกฉีกร่างออกเป็นสองส่วนทั้งเป็น

เขาอยากดิ้นรน...อยากขัดขืน...อยากผลักไสคนตรงหน้าให้ออกไปจากร่างกายตัวเอง

แต่ทำไม่ได้...
และไม่มีสิทธิ์ทำด้วย จำต้องทนรับสิ่งที่ค่อยๆ ฝังเข้ามาในเรือนร่างตนอย่างช้าๆ

โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผนังอ่อนนุ่มแสนบริสุทธิ์ของตัวเองนั่น บีบตอดรัดของอีกฝ่ายแน่นจนฝ่ายที่ตั้งใจจะค่อยๆ ขยับกายรุกคืบอย่างอดทน ถึงกับต้องกระแทกร่างเข้าไปให้ลึกยิ่งขึ้น

กำลังแรงที่ขยับหนักหน่วงโยกคลอนร่างทั้งให้สั่นไหว สุดท้ายก็ไม้อาจเก็บกลั้นเสียงไว้เพียงในลำคอได้อีกต่อไป

เด็กหนุ่มกรีดร้องครางไปตามแรงที่ถูกส่งเข้ามาสู่เบื้องล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า สองมือที่ป่ะป่ายไปตามฟูกนอนถูกดึงมาจับไว้มั่น จนร่างไม่อาจถดถอยหนีไปได้อีก

จวบจนความปรารถนาของอีกฝ่ายได้รับการปลดปล่อยออกมาจนหลั่งล้นช่องทางคับแคบ ที่ถูกฉีกกระชากจนเลือดซึมลงเป็นด่างดวงบนผืนผ้าขาว แก่นกายใหญ่โตกระตุกสั่นฉีดพุ่งเข้าในเรือนกายเพรียวสมส่วนจนหยดสุดท้าย แล้วถอดถอนออกมา

เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงความวูบโหวงที่เบื้องล่าง.... ความโล่งใจประดังขึ้นจนแทบจะหลับลงไปทั้งแบบนี้ ถ้าไม่มีมือเรียวยาวหยาบสากไม่คุ้นเคยแตะลงบนผิวแก้มซะก่อน

"ยังไม่พอ...หรอกนะ"

ดวงตาสีเขียวใสเบิกโพล่ง ในความมืดมิดที่มีเเสงจากโคมเทียนเต้นริก เอเลนกรีดร้องในใจอย่างไร้เสียง พยายามกอบโกยโรยแรงหนีห่างจากมือที่เอื้อมมาคว้าจับตนไว้



......................................


Talk Zone by Lina : จบยกแรกฮะ..... จะมียกสองหรือตอนต่อไปมั้ย? ขอคิดมุกก่อนนะคะ //ปาดเหงื่อ
ปล. เผลอรุนแรงไปซะได้..... แม่?ขอโทษนะเอเลนนนนนนน