วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

-KnB Fic-Michiyuki-AkaKuro[1/2]

道行



สีของโลกที่ว่างเปล่า

ยามที่เงยมองท้องฟ้าแสนปลอดโปร่ง ไร้ริ้วเมฆหรือหมู่มวลวิหค

สีฟ้าครามเข้มทอดไกล...ห่างออกไปสุดสายตานั่น

ช่างเวิ้งว้างและว่างเปล่าเสียนี่กระไร
เวลาเคลื่อนผ่านเลยไป ราวเม็ดทรายร่วงหล่นจากนาฬิกาทราย

บางครั้งอาคาชิ เซย์จูโร่ได้หวนคิดขึ้นมา

พื้นที่รอบตัวเอง...
ไยจึงว่างเปล่าได้มากมายถึงเพียงนี้

ลึกลงไปราวกับมีโพรงลึกกลวงอยู่ภายใน
ไร้สุญญากาศ ไร้สิ่งใด ลึกราวไร้ที่สิ้นสุด

สำหรับอาคาชิแล้ว....ชัยชนะไม่ต่งจากลมหายใจที่ผ่อนเข้าและออกเป็นจังหวะสม่ำ เสมอ มันเรียบง่าย แต่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตซึ่งขาดไปไม่ได้เลย

ทำสิ่งที่ต้องทำ เดินในทางที่ต้องเดิน

จริงๆ แล้วสิ่งที่ต้องการ...สิ่งที่ปรารถนา...
...มันคืออะไรกันแน่?








เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมปาฎิหาริย์ แตกต่างไปจากพวกเรา...
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความหมาย

อาคาชิพูดถึง คุโรโกะ เท็ตสึยะ ไว้เช่นนั้น และยังจดจำได้ดีถึงเรื่องราวในตอนนั้น

คำพูดที่เอ่ยออกไปไม่ใช่ความชื่นชม รอยยิ้มบางที่ผุดพรายขึ้นบนเรียวปากที่คล้ายกับจะอ่อนโยนนั่นก็ไม่ใช่ความถูกชะตาหรืออะไรทำนองนั่น

ลึกๆ ในใจแล้วอาคาชิค้นพบว่าตัวเองนั่น 'สนใจใคร่รู้' ในตัว 'คุโรโกะ เท็ตสึยะ' มากกว่าจะเป็นความรู้สึกอื่นใด

ไม่ได้เก่งกาจ ไม่ได้มีอำนาจ ไม่มีความโดดเด่นใดใด

แต่ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่แลเห็นนั่นเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและความฝันอันเจิดจรัส ราวกับลูกแก้วที่ล่อแสงไฟ มันระยิบระยับและจับตาจนไม่มองข้าม

เขาให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะชักนำไปในทางที่ตนเองต้องการ

ดำเนินเคียงคู่ไปอย่างเรียบง่ายและไม่มีสะดุด ขอเพียงมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รัก 'คุโรโกะ เท็ตสึยะ' ก็ไม่เคยจะปริปากบ่นต่อเรื่องที่เขาสั่งให้ทำแม้ต่อน้อย

กลายเป็นความเคยชินไปโดยอัตโนมัติ ว่าตนต้องทำตามคำสั่งของเขา

รอยยิ้มประหลาดแตะแต้มบนเรียวปากอีกครา....

ดวงตาสีแดงสดมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง สองข้างทางถูกคลุมห่มไปด้วยสีขาวละลานตาจากหิมะที่ตกลงมาทับถมกัน ช่วงวันเกิดของเขามักเป็นเช่นนี้เสมอ มาพร้อมกับหนาวเย็นจับขั้วหัวใจและความเดี่ยวดายของอากาศที่ทึบทึม

ท่ามกลางภาพทิวทัศน์ของบ้านเรือนที่หลงเหลือเป็นเพียงเส้นสายไร้รูปร่างชัดเจน ยามรถยนตร์ค่อยๆ เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ปลายหางตากลับไปพบเข้ากับร่างอันคุ้นเคยกำลังเดินอยู่เพียงลำพัง

ตัวตนที่ดูเลือนรางราวกับจะจางหายไปในสีขาวละลานตา

..............................
...........
....
..
.


"วานิลลาเชคเเก้วหนึ่งครับ..."

เสียงราบเรียบโมโนโทน พอๆกับใบหน้านิ่งสนิทไร้อารมณ์ของเด็กหนุ่มร่างเล็ก ไม่อาจนำพาความสนใจจากพนักงานร้านมาสู่ตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย

คุโรโกะ เท็ตสึยะถอนหายใจเล็กน้อยกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ ถึงจะชินชาแล้ว แต่มันก็สร้างความลำบากให้หลายๆ เรื่องในชีวิตประจำวันจนน่าเหนื่อยใจเหมือนกัน

แต่ก่อนที่จะได้สั่งรอบสองและอาจจะมีรอบสี่รอบห้าตามมา แรงสั่นของเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าข้างตัวก็ทำให้ชะงักไปซะก่อน

'ออกมานอกร้าน'

ข้อความสั้นกระชับ ติดรูปประโยคคำสั่งอันคุ้นเคยจนแทบไม่ต้องมองชื่อผู้ส่งก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

...อาคาชิคุง

นึกแปลกใจมากกว่าจะสงสัย เนื่องด้วยเวลานี้โดยปกติแล้ว กัปตันของชมรมบาสเทย์โคจะมีคนมารอรับและน่าจะถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว หากสัญชาตญาณขับให้ผินใบหน้าไปทางผนังกระจกนอกร้าน

ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน...พร่างพรมลงมาเรื่อยร่ำราวกับไร้จุดจบ ในดวงตาสีฟ้าอ่อนใสสะท้อนภาพของเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งชุดนักเรียนฤดูหนาวคลุมทับด้วยโค้ทสีเข้มยืนนิ่งอยู่ข้างนอกนั่น บรรยากาศน่าเกรงขามแผ่กำจายโดยรอบ อันเป็นเอกลักษณ์ส่งผลให้ไม่มีผู้ใดเดินผ่านไปมาจุดนั่นแม้แต่น้อย

สีแดงราวกับเปลวเพลิงโดดเด่น ท่ามกลางสีขาวของหิมะ
ดวงตาสีต่างสีทรงอำนาจคู่นั่นสบตรงมาที่เขาและสะกดนิ่งไม่ให้เบือนหนีหรือละสายตาไปที่แห่งใดได้อีก

..............................
...........
....
..
.

มือที่จับจูงเย็นเฉียบยิ่งกว่ามือของเขา ผิดปกติโดยสิ้นเชิง คุโรโกะ เท็ตสึยะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน แต่มันต้องนานมากพอให้มือที่เคยอุ่นจนร้อนที่คุ้นเคยนั่นแปรเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้

“เอ่อ... อาคาชิคุง คือจะพาผ....”

“ขึ้นรถเท็ตสึยะ”

เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยขัด ไม่ทันให้ริมฝีปากของอีกคนที่ยังสั่นเพราะออกมาเจออากาศหนาวกะทันหันขยับกล่าวได้จบประโยคด้วยซ้ำ ดวงตาสีแดงสดจากด้านข้างที่แลเห็นเรียบเฉยเช่นปกติ แต่บนใบหน้ากลับเจอด้วยรอยยิ้มบาง

“อย่าดื้อสิ”

อาคาชิคุงไม่เคยบังคับ... แต่กลับชักนำให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการได้เสมอ



อากาศในรถโรสลอยคันหรูอุ่นกว่าข้างนอกพอควร แต่ไม่มากพอสำหรับความต้องการของใครอีกคน
อาคาชิออกปากให้พ่อบ้านประจำตัวเร่งฮีทเตอร์ขึ้นอีกนิด และปลดผ้าพันคอลงมาสวมให้กับลำคอโล่งๆ ของเขา

ความเกรงใจทำให้อยากหลบเลี่ยง แต่สายตาคมดุสีแดงเข้มก็ปรามมาซะก่อน

ระหว่างทางที่รถเคลื่อนที่ไป เราทั้งสองคงต่างนิ่งเงียบ ไร้คำพูด คุโรโกะไม่ได้สนิทสนมพอจะถือวิสาสะพูดจาเล่นหัวกับอีกฝ่าย และไม่กล้าพอจะขอลงกลางทางตอนนี้ ได้แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องอะไรจะถามไถ่ถึงได้มาดักรอกันเช่นนั้น

แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีคำพูดใดถูกเอื้อนเอ่ยจากร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ข้างกัน

"มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ? อาคาชิคุง"

เด็กหนุ่มร่างเล็กจึงตัดสินใจเอ่ยปากออกมาซะเอง เห็นหัวคิ้วอีกฝ่ายขมวดเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนเรียวปากได้รูปนั่นจะคลี่ยิ้มจางๆ
ดวงตาสองสีจ้องสบตรงมาจนเขาเริ่มประหม่า

"เธอดูเกร็งนะ เท็ตสึยะ"

น้ำเสียงพูดเจืออาการขบขันอยู่เล็กน้อย ส่งผลให้เจ้าของชื่อหาย เกร็ง ในฉับพลัน ไม่ใช่เพราะบรรยากาศกดดันคลี่คลายลง แต่เพราะเริ่มรับรู้ได้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่อะไร...

ไม่สิ...กับ ใคร จะถูกกว่า

การกระทำที่ดูเหมือนห่วงใยนั่นไม่ได้มีค่ามากไปกว่าการดูแลรักษา เครื่องมือ ที่ยังใช้การได้ให้อยู่ในสภาพพร้อมสมบูรณ์แม้แต่น้อย และก็เป็นอย่างที่คาคคิด เมื่อประโยคย้ำคุณค่าของตัวเองในฐานะ เครื่องมือ ที่อีกฝ่ายช่วงใช้ตามมาในทันที

“พรุ่งนี้เป็นแมทช์สำคัญ... เราต้องแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการเอาชัยชนะของเราไม่ด้อยลงเพียงเพราะความกดดัน”

“เท็ตสึยะ”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยราบเรียบ เป็นจังหวะจะโคนลื่นไหลประหนึ่งร้อยเรียงออกมาไม่มีขาดตอน คุโรโกะรับฟังโดยสงบ ครึ่งหนึ่งเพราะเห็นด้วยกับคำกล่าวนั่น อีกครึ่งคือความไม่รู้.... ไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนาเช่นใดกับอีกฝ่าย

นับจาก วันนั้น ที่อาคาชิคุงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง.... เขาเองก็ไม่อาจพูดคุยอย่างสนิทใจกับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป

แน่นอน....
ความชื่นชมและความเคารพในฐานะ กัปตัน ซึ่งเป็นผู้นำของทีมและผู้ที่ชี้แนะจนมอบโอกาสที่จะยืนบนสนามบาสที่ใฝ่ฝันว้ยังมีอยู่ แต่ความรู้สึกที่เคยมอง... ความคิดที่มีต่อคนข้างตัวเปลี่ยนไป

มัน...ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

“นี่...อาคาชิคุง นอกจาก ชนะ แล้ว ไม่มีความหมายอื่นเลยเหรอครับสำหรับคุณ?”

คุโรโกะ เท็ตสึยะตัดสินใจเอ่ยถาม นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่ปฏิกิริยาตอบรับเป็นแค่หางคิ้วที่ขมวดหม่นเพียงนิด ก่อนรอยยิ้มบางจะคลี่คลายลงบนเรียวปากนั่น

“แล้ว... จะมีอะไรอย่างอื่นอีกล่ะเท็ตสึยะ?”

ผู้ถูกตั้งคำถาม...กลับเป็นฝ่ายถามกลับ หากแต่เจ้าตัวไม่ได้รอคำตอบจากคู่สนทนา เพราะเสียงต่อมาก็คือเสียงของเจ้าตัวนั่นเอง

“สำหรับผม... บาสเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีความหมายอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้”

เรียบง่ายและสามัญ....
มุมมองต่อสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ของอาคาชิ เซย์จูโร่มีเพียงแค่นี้เท่านั้นเอง

....เพียงเพื่อพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

“หมายความว่าสิ่งที่คุณทำเพียงเพื่อแสวงหาชัยชนะเท่านั้นเองเหรอครับ?”

แต่นั่นก็ไม่ใช่คำตอบที่จะยอมรับหรือเข้าใจได้ เงาแห่งทีมปาฎิหาริย์จึงได้เลือกที่จะถามต่อไป

เรียวปากบางหยักยิ้มขึ้นอีกนิด แววตาสีแดงเพลิงทอประกายเอ็นดูปนอ่อนใจราวกับกำลังพูดคุยกับเด็กน้อยที่อ่อนต่อโลก ทั้งที่อายุไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด

“ไม่หรอก... ชัยชนะเป็นสิ่งที่ผมมีอยู่แล้วตั้งหาก อยู่ในอุ้งมือผมไม่ต่างจากปัจจัยสี่หรือสิ่งรอบตัว”

“เพราะชนะ... จึงถูกต้อง ผมชนะมาตลอด เลยถูกเสมอและจะเป็นแบบนี้เรื่อยไป”

ใช่...
ผมชนะมาตลอด.... และจะเป็นตลอดไป

“ถ้าอย่างนั้นแล้ว... สิ่งที่ คุณ ต้องการจริงๆ คืออะไรกันครับ?”

“นั่นสินะ... ผมเองก็ไม่มีความปรารถนาหรือความต้องการอะไรในตอนนี้ซะด้วยสิ”

คุโรโกะยังคงดึงดันที่จะถามคำถามที่ไม่ต่างจากเดิมเท่านั้นนักในความคิดเขาออกมา แต่ความจริงจังในดวงตาคู่นั้นกับแสดงความรื่นรมย์ให้ จนอาคาชิอดไม่ได้ที่กลั้วหัวเราะเล็กน้อยและยกยิ้มให้กับคำถามที่แทบจะอยากได้ว่า ไร้เดียงสา เสียเหลือเกินนั้น

เพราะสิ่งที่ต้องการน่ะ....

ปลายนิ้วปัดเกลี่ยปอยผมสีอ่อนจะระลงมาบดบังใบหน้า ผิวของเท็ตสึยะขาว....แทบจะเรียกได้ว่าซีดจางด้วยซ้ำ ใบหน้านิ่งสนิทราวกับตุ๊กตา และริมฝีปากที่ไม่ค่อยเอื้อนเอ่ยคำพูด คุณสมบัติทั้งหมดยิ่งเสริมให้ตัวตนของคนคนนี้เลือนรางขึ้นไปอีก

แต่ถึงอย่างนั้น...

ประกายแสงที่ริบหรี่ดวงนี้ ก็กลับดิ้นรนที่จะส่องประกายจนเจิดจรัส

ทั้งที่เป็นแค่เงา.....ที่ต้องอาศัยแสงสว่าง
แต่คนตรงหน้า....กลับดึงดูดสายตาเขายิ่งกว่าแสงอื่นใดทั้งนั้น

เส้นด้ายเล็กบางที่หย่อนลงไปอย่างไม่หวังผล... กลับช้อนสิ่งที่น่าประหลาดใจมาให้เขาซะได้



TBC.


Talk Zone : ตอนแรกจะทำเป็นฟิคครอสโอเวอร์.... แต่แต่งไปแต่งมา รู้สึกมีแนวทาง?ของตัวเองไปแล้ว แยกออกมาเลยล่ะกันนะคะท่านอาคาชิคร้าาาาาาา


-KnB Fic- Until…now. -2.1-

Until…now.
Fandom : Kuroko no Basket
Rate : PG-15 > NC
Pairing:
Akashi Seijurou x Kuroko Tetsuya(C) , Himuro Tatsuya x Kagami Taiga(C)
Genre : AU, Drama , NTR(เล็กน้อย?)
Note :
เรื่องนี้เป็นกึ่งๆ แนว NTR มีการสลับคู่ และน้องครก. ร้ายอยู่พอสมควรมีการพูดถึงความสัมพันธ์ทางกายในเชิงชู้สาวแนวคู่นอน ใครไม่ชอบแนวนี้ก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
และที่สำคัญเป็นแนวฟิคสดที่มีการวางโคร่งไว้เพียงคร่าวๆ
คิดอะไรหรืออย่างแต่งอะไรจะเป็นตามใจฉันคนแต่งนะคะ ฮา

Author by Lina(ChaCHa)
Story by kyokikuma






Night
-2.1-









มือช้อนใต้ฐานก้อนเนื้อนิ่มขนาดไม่ใหญ่นัก.... สัมผัสนุ่มหยุ่นนิ่มมือ รู้ได้ในทันทีว่าใต้ผืนผ้านี้ ร่างของคนในอ้อมแขนเปล่าเปลือย กลิ่นหอมอ่อนจางจากแชมพูที่อีกฝ่ายใช้ประจำและปอยผมบางส่วนที่ยังชื้นอยู่เล็กน้อย บอกได้อย่างดีว่าเพิ่งผ่านการชะล้างเรือนกายมาไม่นานนัก


อาคาชิลากไล้ไปตามแนวโค้งเว้าของเรือนกายสาว... และหยุดมือตรงหน้าท้องแบนราบ แล้วค่อยๆ ต่ำลงอย่างเชื้องช้าไปตามบั้นเอว


เท็ตสึยะเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็กค่อนไปทางเพรียวและบอบบาง ราวกับว่าถ้าสัมผัสหนักมือไปจะแตกสลาย ผิดกับอุปนิสัยกล้าได้กล้าเสียของเจ้าตัวลิบลับ


สัมผัสเหล่านั้นทำเอาเจ้าของห้องใจเสีย... ถ้าเป็นปกติเธอคงไม่ยี่หระอะไรกับการกระทำของอาคาชิคุง เพราะ 'คุ้นเคย' กันดีอยู่... แต่นี่ไม่ใช่ จากรอยยิ้มที่เห็นและน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้ ถึงจะไม่ได้เหวี่ยงหรือแสดงความเกรี้ยวกราด แต่เด็กสาวรู้จักคนคนนี้มานานหลายปี นี่ถือเป็นเค้าลางก่อนภูเขาไฟระเบิดชัดๆ!!


ร้ายกว่านั้นคือเธอไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับมืออาคาชิคุงได้ พิษไข้กำลังเล่นงานร่างกายจากภายในให้ร้อนระอุจนหยาดเหงื่อไหลริน ลมหายใจปั่นป่วนและเริ่มอ่อนแรง สมองไม่อาจครุ่นคิดหรือตอบโต้ได้เฉียบขาด... ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหาทางเอาตัวรอดได้ดีเช่นเคย


"ปะ...ปล่อยฉันค่ะ อาคาชิคุง"


ปฏิกิริยาตอบแทนคำห้ามปรามคือมือที่กอบกุมหน้าอกข้างขวาเปลี่ยนเป็นขย้ำกำอย่างแรง ปลายนิ้วเรียวจงใจเสียดสีกับส่วนอก...บดขยี้ผ่านผ้าสากที่ควรเป็นอาภรณ์ปกป้องผิวกายจากสัมผัสจาบจ้วงที่ลากไล้ไปทั่วอย่างถือสิทธิ์นั่น กลับกลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเสียวซ่าน ยามที่ปลายนิ้วนั่นลูบผ่านไปตามเนินเนื้อนุ่มเบื้องล่างและเสียดสีไปมา บางจังหวะเน้นย้ำแทรกลงไปในจุดอ่อนไหวเรียกเสียงครางหอบสั่นจากริมฝีปากบางที่เม้มแน่นได้เป็นอย่างนี้


ร่างเล็กน้ำตาซึม.... อยากจะตอบโต้อะไรสักอย่างให้ฝ่ายกระทำละมือ แต่กับคนที่ 'คุ้นเคย' กับร่างกายนี้ยิ่งกว่าตัวเธอเอง... รู้ดีที่สุดว่าตรงไหนที่ทำให้ความรู้สึกในกายพลุ่งพล่านด้วยความปรารถนาได้ โดยไม่อาจห้าม...หยาดหยดของเหลวก็ได้หลั่งรินออกมาจากส่วนลึกในกาย


คุโรโกะหอบหายใจสั่น ร่วงหล่นซวนซบกับพื้นไม้เย็นเฉียบราวตุ๊กตาโดนตัดสาย เมื่อคนด้านหลังจงใจปล่อยร่างที่กอดไว้ ใบหน้าเสหันแลเลยกลีบไป หวังจะเอ่ยคำค้านหรือตอกหน้าอีกฝ่ายที่ทำอะไร 'แบบนี้' กลางวันแสกๆ ได้อย่างไม่อาย หากกลับได้รับเรียวปากที่ทาบประกบลงมากลืนกินถ้อยคำต่างๆ ไปซะสิ้น



สัมผัสอุ่นชื้นไล่เล็มไปตามริมฝีปากบางที่เผยออ้าจะต่อคำ เปิดโอกาสให้คนที่รอจังหวะอยู่เข้าไปลิ้มรสทั่วโพรงปากนุ่มนิ่มอุ่นจัดด้วยพิษไข้ เสียงดูดดุนของของเหลวและริมฝีปากที่แตะต้องกันดังก้องในหัว ชนิดที่ต่อให้หลับตาปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น ความ 'คุ้นเคย' จะฉายซ้ำในสมองให้ภาพที่เผชิญชัดเจนเบื้องหลังเปลือกตาอยู่ดี


"คุณมัน...แย่ที่สุด"


คุโรโกะว่า พลางพยายามหายใจ สูดอากาศที่ถูกช่วงชิงไปเต็มเติมสู่ปอด หน้าอกสะท้านขึ้นลงด้วยแรงจากการหอบ นัยน์ตากลมโตสีฟ้าอ่อนปรือปรอย สองแก้มแดงก่ำก้ำกึ่งที่เส้นบางๆ ของความเขินอายและเหนื่อยล้า แต่ถ้าพิจารณาจากอุณหภูมิที่วัดได้คร่าวๆ ยามโอบกอดคงเป็นทั้งสองอย่างผสมกัน


"แต่เธอก็ดูสนุกดีนี่ เท็ตสึยะ"


อาคาชิหยอก ได้ผลแทบจะได้ทันที เจ้าของชื่อค้อนขวับ ตาสีอ่อนดุกร้าววาววับขึ้นในพริบตาเดียว ผู้เป็นเป้าสายตาประทุษร้ายยิ้มบาง ก่อนช้อนรั้งใบหน้าเนียนขึ้นจุมพิต เรียวปากบางเผยออ้าตามความเคยชินรับลิ้นที่แตะแต้มลงมา เปิดทางให้เข้ามากอบโกยความหอมหวานจากโพรงปากอ่อนนุ่ม เลาะเล็มไปตามแนวฟันและกระพุ้งแก้มราวกับจะดูดสูบทุกหยาดหยดในนั่นก็ไม่ปาน


เสียงหอบพร่าดังครวญในลำคอ สติขาวโพลนเลือนรางไปตามการชักนำของอีกฝ่าย ที่ไม่เพิ่งแค่ประกบจูบลงมา แต่มือที่ว่างจากการช้อนประคองช่วงเอวเธอก็เลื่อนไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบจรดเนินอกอิ่ม บีบเคล้นเบา พอให้อารมณ์ใคร่ถูกปลุกขึ้นอย่างช้าๆ เป็นดั่งกระแสไฟฟ้าที่แล่นพล่าน...ระริกไหวไปทั่วโสตประสาทของเรือนกาย


ยิ่งกับฟันคมขาวที่ขบกัดบนใบหูนุ่มนิ่มแผ่วเบา หากเรียกอาการสะดุ้งเฮือกของร่างในอ้อมแขนได้เป็นอย่างดี แต่คนที่ซ้อนกายอยู่เบื้องหลังร่างเล็กก็ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายประท้วง เมื่อมือกุมกระชับสะโพกเพรียวบางไว้มั่น ก่อนจะสอดแทรกความต้องการอันร้อนระอุเข้าไปในช่องทางที่ชื้นแฉะด้วยการกระตุ้นเร้าก่อนหน้านี้


อ๊า!....อึ่ก


คุโรโกะหวีดร้องขึ้นมาวูบหนึ่งด้วยความตกใจ ริมฝีปากเม้มแน่นสะกดกลั้นเสียงไว้ในลำคอ ต่อต้านการรุกล้ำของอีกฝ่าย ฝ่ามือตะกุยพื้นไม้ใต้ร่าง...ขูดจนอาจทำให้เล็บฉีกขาดปอกเปิกได้เลย ช่องทางอุ่นนุ่มบีบรัด พยายามผลักไสให้สิ่งที่กระทั้นเข้ามาในกายลาถอยไป ซึ่งมันก็ได้ผลแค่ชั่วครู่เท่านั้นเอง เมื่อชายหนุ่มถอดถอนแก่นกายออกไป แล้วจึงค่อยยกต้นขาอ่อนขึ้นสูง ใบหน้าเนียนแนบสนิทไปกับพื้นเบื้องล่าง ขณะที่อีกคนพลันสวนกระแทกกายเข้ามาโดยแรง



และโดยความที่ครั้งนี้ฝ่ายคนกระทำไม่ได้ป้องกันเช่นทุกครั้ง สัมผัสของเนื้อต่อเนื้อที่เสียดสีนั่นจึงแนบชิดและลึกล้ำกว่าเคย ยามที่กำลังเคลื่อนเข้าออกภายในกายยิ่งชัดเจน ช่องทางคับแน่นที่มีหยาดหยาดของเหลวใสเป็นตัวหล่อลื่นชั้นดี


ทำให้ไม่มีการฉีกขาดหรือเจ็บปวด มีความสุขสมที่ตอกย้ำลงมาในทุกครั้งที่ร่างกายเชื่อมประสานกันภายใน แนบสนิทมากยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาตลอด


แผ่นอกสะท้านไหวรุนแรง ส่วนยอดแข็งชันพอให้ปลายนิ้วอีกฝ่ายเขี่ยเล่นสนุกมือ เสียงหัวเราะราวกับสมใจดังขึ้นริมหู


เห็นมั้ย? รัดฉันแน่นขนาดนี้…. ไหนลองปฏิเสธให้ชัดๆ อีกทีสิ


ถ้อยคำกลั้วเสียงรื่นรมย์ เรียกความรู้สึกอับอายให้แล่นริ้วบนใบหน้าหวานเฉยชาเป็นนิจให้แดงระเรื่อ ความปรารถนาที่กำลังจะถึงปลายทางถูกกระชากรั้งให้หยุดนิ่ง เมื่อชายหนุ่มคาตัวเองไว้ไม่ยอมขยับเขยื้อน หรือจะขยับก็ทำเพียงแค่สอดเสียดไปมาให้รู้สึกดีเพียงนิด ไม่ยอมเข้าไปแตะต้องส่วนในที่ทำให้รู้สึกดีที่สุด


เส้นด้ายแห่งทิฐิกับความต้องการแกว่งไกวส่ายไหวเบื้องหน้า หญิงสาวที่หอบสั่น ขบฟันกรอด เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด


เท็ตสึยะคนดีบอกสิว่าต้องการอะไร


นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมสีระลงมาปรกเสี้ยวหน้าชื้นเหงื่อ รอยยิ้มเย็นผุดพรายบนใบหน้าคมคายนั่น


:
:
:


สองมือจับแยกขาใหอ้าออกกว้างโดยแรง โทสะที่เจือจางลงเพราะรสรักเมื่อครู่ ปะทุขึ้นอีกครั้งราวไฟโหม ยามที่ได้เห็นร่องรอยสีแดงช้ำเป็นจ้ำตามแนวไหปลาร้า ช่วงอกเหนือสะโพกเพรียว และที่ทำให้เส้นอารมณ์ที่ขมวดขึงตึงขาดสะบั้นลงคือรอยตีตราตรงต้นขาอ่อนชั้นใน


อาคาชิขบฟันกรอด มือบีบเคล้นตรงหน้าขาขาวจนขึ้นรอยฝ่ามือ


"....กล้าดียังไง"


เสียงคำรามต่ำราวสัตว์ร้ายที่หลุดจากการควบคุม ฟันคมขบลงมาที่ลาดไหล่แรงจนเห็นแนวฟันบนผิวเนื้อ ก่อนลากลิ้นเลาะเล็มไปดูดเม้มหนักๆ สร้างรอยใหม่ ซ้ำรอยเดิมให้ขึ้นสีเข้มจัด


คุโรโกะจิกหัวไหล่แน่น หวังดึงรั้งให้ห่างกาย แต่ใบหน้าคมกลับซุกซบลงมา พร้อมมอบความเจ็บปวดที่เป็นดั่งการลงทัณฑ์ให้ตามติดลงต่ำไปเรื่อยๆ


เน้นย้ำรอยประทับบนผิวเนื้อนวลให้ขึ้นสีก่ำกว่าเดิม.....

ถ้าเป็นของเขาทั้งหมด..... หรือข้างในมีลูกของเขา

ก็จะหนีไปไหนไม่ได้ ....
ไม่ว่าใครก็ไม่กล้ามายุ่งวุ่นวาย เป็นของเขาแค่เพียงคนเดียว

.....คนเดียวเท่านั้น....

ลมหายใจอุ่นระรินไปตามเรือนร่างจนขนอ่อนลุกชัน ลิ้นและฟันที่กัดเม้มดูดดึงไปทั่วร่าง สร้างความบอบช้ำไปพร้อมกับความเสียวซ่าน

หญิงสาวสะท้านกายเฮือก แผ่นหลังแอ่นโค้ง ผวาเข้ารับกับเรียวปากอีกฝ่าย เมื่อมันกำลังละเลงเล่นกับยอดอก อีกข้างที่ว่างก็เป็นปลายนิ้วที่ลูบโลม หยดน้ำตาอุ่นใสกลิ้งร่วงจากนัยน์ตาสีฟ้าอ่อน ยากที่จะเอ่ยคำใด นอกจากเสียงครางหอบกระเส่าจากแรงตัณหาที่ถูกปลุกเร้าด้วยความรุนแรง

มือเรียวสางเข้ากับศีรษะที่ชิดใกล้ เส้นผมสีแดงเพลิงไหลลื่นผ่านช่องว่างของนิ้วมือไป ดวงตาสีฟ้าอ่อนปรือปิดลงช้าๆ ก่ำกึ่งระหว่างการจำยอมกับปฏิเสธการรับรู้อื่นใด


TBC.
  
Talk Zone :
ชิ่งมาอัพฟิคนี้แทนแฟนธ่อม….. เพราะรู้สึกไม่ได้ลงอะไรมานานแล้วค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
//มันใช่ประเด็นมั้ยชาาาาาาาา
จริงๆ ก็เท่าเดิมอะแหละ…. ใครตามทวิตคงเคยเห็นแล้ว เพิ่มมาแค่นิดเดียวเอง //โดนรุมสกรัม