วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[Drabble] 盗墓笔记 #dmbjdaily - สัมผัส -


หัวข้อ (สัมผัส) 277 days left



....ดอกไม้...

Pairing : เซี่ยอวี้ฮัว X เฮยเสียจื่อ
Note : คุณชายเก้าเป็นดอกไม้กินเนื้อค่ะ //โดนพลองอัด








ถ้าเจ้าคนใบ้จางของนายน้อยสามเปรียบได้ดั่งแมวดำที่เร่ร่อนพเนจรไปเรื่อยอย่างอิสระ เฮยเสียจื่อก็เป็นแมวเช่นกัน


หากแต่เป็นแมวจรจัดที่มีดวงตาสีทองประกายหม่นจางราวกับลูกปัด เสียงเจื้อยแจ้วน่ารำคาญดังอยู่ข้างหูไม่หยุด ยามทำงาน พอตกดึก ยามความมืดโรยตัว หน้าต่างซึ่งเปิดอ้าไว้ราวเชิญชวนมีเจ้าแมวตัวโตปีนป่ายขึ้นมา


กลางวันส่งเสียงน่ารำคาญไม่หยุดแท้ๆ แต่เมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์ เสียงในลำคอนั่นกลับอวลครวญไม่ยอมปล่อยให้เล็ดลอดออกมา


เสียงครางผะแผ่วและสะท้านเฮือกเป็นพักๆ ราวกับแมว ผิดกับใบหน้าที่พยายามฉีกยิ้ม แสร้งแสดงว่าตนไม่เป็นไร


เซี่ยอวี้ฮัวไม่เคยกอดผู้ชาย
เฮยเสียจื่อเองก็ไม่เคย 'ถูก' กอด


หากแต่ยามที่เจ้าแมวตัวโตนี่ปีนขึ้นมาหวังเด็ดชมดอกไม้ กลับกลายเป็นว่า....ต้องทอดกายแทนปุ๋ย เป็นอาหารให้ดอกไม้กินคนแสนสวยงามผู้นี้





ดอกไม้ต้อง 'สัมผัส' อย่างระมัดระวัง


ยิ่งสวยงามยิ่งมีหนามแหลมคม


แต่ใครเล่าจะทันคิดว่านอกจากคมหนามแล้ว
เถาวัลย์ที่คอยรัดพันนั่นก็ร้ายกาจไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย




เฮยเสียจื่อพบว่าตัวเองถูกใจใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาของคุณชายเก้าเหลือเกิน

และด้วยพลังฝีมือตัวเองที่มั่นใจว่าไม่เป็นรองใคร.... จะเป็นที่สองหรือก็แต่เพียงคนใบ้จางผู้นั้นคนเดียว



ไหนเลยจะคิดว่ากาลกลับตาลปัตรกัน ยามที่ตัวเองย่องเบาขึ้นบ้านคุณชายเก้าตัวเองจะตกเป็นรองซะได้

มือเรียวดูบอบบางตามแบบฉบับตัวนางของละครงิ้วกลับมีเรียวแรงมหาศาลจนสามารถจับกุมและคุมขังเขาให้อยู่ใต้ร่างอีกฝ่ายได้


รอยยิ้มหวานหยดเยิ้มบนใบหน้าสวยงามนั่นตราตรึงใจจนยากจะเอ่ยบรรยายเป็นคำพูด

"หือ? ดูเจ็บนะ.... ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นครั้งแรก"

"อา... คุณชายเก้าครับ เห็นอยางงี้ผมก็รักนวล..... อ๊ะ.... สงวนตัวพอควรนะครับ"


ราวกับดอกไม้เบ่งบาน ล่อลวงหมู่แมลงให้มาเก็บเกี่ยวเกสรของตน

แต่ดอกไม้งามดอกนี้ไม่ได้ใจดีถึงเพียงนั้น




.....หากแต่เป็นดอกไม้กินเนื้อ... ใช้เหยื่อที่หลงมาติดกับเป็นปุ๋ยบำรุงตัวเองให้เติบใหญ่





Fin.








....ลมหายใจ...

Pairing : อู๋เสีย X เมินโหยวผิง






อู๋เสียเก้ๆกังๆ วางไม้วางมือไม่ถูกขึ้นมากะหันทัน ปกติอยู่กับเมินโหยวผิงสองคน ผมจะอุ่นใจและสบายใจในความเงียบของเขา ค่อนไปข้างสงบ


หากยามนี้เหงื่อกลับแตกพลั่กๆ ไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหนดีกับร่างตรงหน้า เพราะคำพูดบ้าๆ ก่อนปิดประตูออกไปของไอ้เสี่ยอ้วนนี่แหละ!!


'ทำให้ร่างกายร้อน? เป็นผู้ชายมันง่ายจะตายเทียนเจิ่น ลูบๆคลำๆ ถูๆไถๆ ก็ร้อนแล้ว'


นายอ้วนหวัง! ไอ้คนปากไม่มีหูรูดไร้ความรับผิดชอบ!!


"อู๋เสีย..."
เสียงเรียบเย็นที่คุ้นหูแล้วฟังดูหอบพร่าจนใจสั่นราวกับผมประสาทหลอน

เเผนที่! ท่องไว้ว่าแค่หาแผนที่โว้ยยย




ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าสติแตกอยู่แบบนี้ไม่ดีแน่ แล้วกะจะเข้าห้องน้ำเอาหัวจุ่มอ่างให้เย็นลงสักหน่อย มือของเจ้าของเสียงเมื่อครู่ก็วางแปะลงบนไหล่

นัยน์ตาสีดำสนิทว่างเปล่า ใสจนแววราวกับลูกแก้วมองด้วยความประหลาดใจ

จะว่าไป... สัมผัสแบบนี้ แววตาเดียวกันนี้


ผมรู้สึกว่าคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก





"ไปทำงาน? แต่อารองบอกให้ผมอยู่กับอาสามนะครับ"

ผมในตอนนั้นเงยหน้ามองอาสามด้วยความงุนงงและเสียดาย อุตส่าห์ได้บอลลูกใหม่จากอาเตี่ยมาแท้ๆ กะว่าจะเอามาเล่นฉลองกับอาสาม จากนั้นก็ให้อาเลี้ยงไอติมสักหน่อย

แต่พอมาถึงกลับกลายเป็นว่าอาสามจะออกไปข้างนอกซะอย่างนั้น

"เสี่ยวเสียเป็นเด็กดีแล้วรออาสามอยู่ที่บ้านนะ อาสามไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ"

มือใหญ่ลูบศีรษะเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นพยักเพยิดไปทางด้านหลัง แถมไม่ทันให้หลายชายคนเดียวตอบรับหรือปฏิเสธก็เผ่นพลิ้วไปซะแล้ว ขาเล็กทำท่าจะวิ่งตาม

"จะไปไม่ได้นะ..."

น้ำเสียงเรียบเย็น พร้อมกับฝ่ามือเรียวยาวที่วางบนไหล่

ดวงตากลมโตหันกลับไปมองในความมมืดมิดของเส้นผมสีดำสนิทที่ล้อมกรอบเสี้ยวหน้าขาวจัด มีแก้วตาสีใสราวกับนิลประดับ

....เหมือนต้องมนตร์ในห้วงหลุมลึกล้ำสุดหยั่ง....

"ซั่นเสิ่ง.... บอกว่า นายชื่อ 'อู๋เสีย' "

บอลร่วงจากมือไปแล้ว เพราะผมคว้ามือที่ยื่นมาหา สองนิ้วที่มือขวายาวกว่าปกติและหยาบกระด้างกว่ามือนุ่มนิ่มของเด็กน้อยมากนัก

แต่กลับรู้สึกดีเหลือเกินกับมัน....
ผมไล่สัมผัสไปตามปลายนิ้วเย็นเฉียบ และด้วยความสูงที่ต่างกันของเด็กน้อยกับชายหนุ่ม ฝ่ามือของอีกฝ่ายจึงอยู่ในระดับริมฝีปากของผมพอดี


'เย็นจัง'

อู๋เสียกล่าว พลางเป่าลมหายใจอุ่นๆ ระรดบนฝ่ามือนั่นอย่างแผ่วเบาเช่นที่เคยเห็นอาเตี่ยทำให้ดู 

'เวลาหนาวๆ เสี่ยวเสียถูมือตัวเอง แล้วเป่าลงไปนะ มันจะค่อยๆ อุ่นขึ้นล่ะลูก'

'แล้วเตี่ยล่ะ? มือเตี่ยก็เย็นเหมือนกันนะ'

อู๋อีฉยงส่ายหน้าและยิ้มน้อยๆ หากไม่ทันมือของลูกชายที่คว้ามือใหญ่ของตัวเองมาอังลมอุ่นๆ จากริมฝีปากบางน้อยนั่น

'เท่านี้ก็อุ่นทั้งคู่แล้ว'




........ลืม....ไปได้ยังไงกัน....นะ.....


"นี่... เสี่ยวเกอ ฉันคิดวิธีดีๆ ของแล้ว"

ใบหน้าว่างเปล่าไร้อารมณ์ที่มองออกไปนอกหน้าต่างหันกลับมามอง ความงุนงงเล็กน้อย...เพียงนิดเดียวพาดผ่านนัยน์ตาแสนเรียบเฉยนั่น

อู๋เสียโน้มตัวลงไปชิดกับผิวกายของอีกฝ่ายอย่างช้าๆ ใกล้จนปลายจมูกเขี่ยต้องผิวเนื้อของคนตรงหน้า ลมหายใจอุ่น... ไม่ได้ร้อนจัดระริน

หากรอยสักกิเลนดำกลับค่อยๆ คลี่คลายบนแผ่นอกนั่นอย่างช้าๆ




Fin.


ย้ายไปลงฟิคเต้ามู่บล็อคด้านล่างแทนนะคะ >///< 

Tea house 's ChaCHa


[Drabble] 盗墓笔记 #dmbjdaily - เริ่มจากนับหนึ่ง-

- เริ่มจากนับหนึ่ง -





หัวข้อ (หนึ่ง) 282 days left  

[อู๋ซันเสิ่ง/อู๋อีฉยง/อู๋เอ้อร์ไป๋]







อู๋ซันเสิ่งไม่กลับบ้านมาสามเดือนแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าไปคว่ำกรวยขุดดินอยู่ที่แถวไหน แต่เงียบหายไม่ส่งข่าวคราวมาสามเดือนแล้ว
ทุกคนในบ้านชาชินกับการหายตัวไปเช่นนี้ แต่ลางสังหรณ์บางแห่งในใจกลับกระซิบอย่างเงียบงัน

บางทีอะไรๆ นับจากนี้อาจไม่เหมือนเดิม






เขาไม่รู้ว่าเจ้ารองรู้หรือเปล่า 

ไม่สิ... 
เขาว่ามันรู้แน่ๆ ฉลาดเป็นกรดขนาดนั้น

"เจ้าสาม..."

มือเรียวยาวที่ไม่สากกร้านแดดลม มือของนักศึกษา 
ม้จะไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนมือหญิงสาว แต่หากเทียบกับมือหยาบๆ ที่จับเสียมขุดดินแล้ว ย่อมต่างกันราวฟ้ากับเหว

ใบหน้าแสนซื่อและอ่อนโยนใจดีเช่นที่เห็นทุกคราว ยามกลับมากำลังมองเขาอยู่
หัวใจที่โลดเต้นระรัวกับการใช้ชีวิตแขวนบนเส้นด้ายมาชั่วนาตาปีพลันสงบอย่างประหลาด

หนึ่ง... สอง... สาม...

"พี่ใหญ่เองเรอะ"

หนึ่ง...
ถามทั้งที่รู้แน่แก่ใจ ถามเพียงเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยที่ตกตะกอนอยู่ข้างใน









หัวข้อ (สอง) 281 days left 

[อู๋ซันเสิ่ง/อู๋อีฉยง/อู๋เอ้อร์ไป๋]








เจ้าสามกลับบ้านมาในสภาพสะบักสะบอมตามปกติ นอนพิงประตูหน้าบ้านเหมือนเศษผ้าขี้ริ้วเก่าๆ

คนเจอเป็น 'พี่ใหญ่' ที่ออกไปเปิดบ้านตอนเช้าพอดี

ใบหน้าอิดโรยอ่อนล้า หากดวงตาที่แห้งผากกลับเหมือนดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน ในพริบตาที่เสียงแหบโหยนั่นเอ่ยเรียก

"พี่ใหญ่เองเรอะ"

ไม่ว่าจะไปไกลสักแค่ไหน...

นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งก็ได้ที่เจ้าสามสามารถวิ่งออกไปอย่างไม่เหลียวหลัง ไร้พะวังหรือห่วงใดให้กังวล



สอง...
วิ่งไปสุดฝีเท้า เพราะสถานที่ที่ให้หวนคืนยังรออยู่ที่เดิมเสมอ




Fin.



ย้ายไปลงฟิคเต้ามู่บล็อคด้านล่างแทนนะคะ >///< 

Tea house 's ChaCHa


วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

-KnB Fic- Until…now. -06-

Until…now.

Fandom : Kuroko no Basket

Rate : PG-15 > NC

Pairing:
Akashi Seijurou x Kuroko Tetsuya(C) , Himuro Tatsuya x Kagami Taiga(C)

Genre : AU, Drama , NTR(เล็กน้อย?)

Note :

เรื่องนี้เป็นกึ่งๆ แนว NTR มีการสลับคู่ และน้องครก. ร้ายอยู่พอสมควร
มีการพูดถึงความสัมพันธ์ทางกายในเชิงชู้สาวแนวคู่นอน ใครไม่ชอบแนวนี้ก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

และที่สำคัญเป็นแนวฟิคสดที่มีการวางโคร่งไว้เพียงคร่าวๆ
คิดอะไรหรืออย่างแต่งอะไรจะเป็นตามใจฉันคนแต่งนะคะ ฮา




Author by Lina(ChaCHa)
Story by kyokikuma




-06-





คราวนี้เธอฝัน...

ไม่สิ... นี่ไม่ใช่ความฝัน
แต่เป็นความทรงจำก่อนเก่าของเธอตั้งหาก

วันที่เป็นจุดเริ่มต้นของเธอกับอาคาชิคุง





แรกเลยเริ่มที่จูบ หลังจากการซ้อมในห้องเก็บของของคืนวันหนึ่ง

... จูบที่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดขึ้น ...



โรงเรียนเงียบสงบ ไร้สรรพเสียงและสิ่งมีชีวิตใด ไฟจากโรงยิมที่ถูกเปิดใช้งานล่วงเวลาโดยการขออนุญาตเป็นพิเศษ ค่อยๆ ดับลงทีละดวงสองดวง

เด็กสาวในชุดเสื้อยืดตัวหลวมและกางเกงขาสั้นทะมัดทะแม่ง ทยอยเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ในการฝึกซ้อมให้เป็นระเบียบอย่างตั้งใจ ซึ่งโดยปกติเเล้วคนที่รับหน้าที่นี้ในแต่ละวันจะมีกันอยู่หลายคน เพื่อแบ่งเบาภาระกัน

และอีกนัยหนึ่งมีไว้เผื่อภารโรงหลงหูหลงตาไปแล้วเผลอล็อคประตูห้องชมรมขังคนไว้โดยไม่ระวัง อย่างเช่นที่เคยเป็นมาแล้วในรุ่นก่อนๆ

คุโรโกะ เท็ตสึยะรวบเรือนผมยาวประบ่าเกล้าขึ้นเป็นทรงสูงเพื่อความคล่องตัว ปอยผมสีฟ้าอ่อนแกว่งไหว

ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาลที่โรยตัวรายรอบดูราวกับลูกไฟวิญญาณก็ไม่ปาน เกิดเป็นข่าวลือแปลกๆ ว่าในโรงยิมของชมรมบาสเก็ตบอลมีผีมาฝึกซ้อม

เด็กสาวคร้านจะใส่ใจกับถ้อยคำลืออันแสนไร้สาระนั่น แถมหัวข้อนี้ยังเป็นที่นินทาคุยฟุ้งของเหล่าสาวๆ ผู้จัดการชมรมให้ไปอำคนอื่นกันอีก จึงไม่ได้สนใจจะไปแก้ต่างอะไร ถึงอย่างไรซะก็คงไม่มีคนเชื่อมโยงกับสาวจืดจาง ไร้ตัวตนเช่นเธออยู่แล้ว

ฝีเท้าแผ่วเบาก้าวเดินพร้อมกับหอบถุงตาข่ายใส่ลูกบาสในอ้อมแขนเดินอย่างระมัดระวัง

ความเงียบสงัดชวนให้อ้างว้างดำเนินไป และคงเป็นอย่างนี้อีกสักพักจนกว่าเธอจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จสิ้น

กระทั่ง...
เสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูใหญ่โรงยิมดังขึ้น เสียงแหลมค่อนข้างแสบแก้วหูเรียกสายตาเด็กสาวไปยังทิศทางนั้นในทันที สถานการณ์เช่นนี้เป็นผู้หญิงคนอื่นคงกลัวจนร้องกรี๊ดลั่นไปแล้ว

แต่ไม่ใช่กับคุโรโกะ เท็ตสึยะ เด็กสาวหันไปพิจารณาต้นกำเนิดเสียงอย่างมีสติด้วยดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่โตแสนเรียบเฉย

"อาคาชิคุง"

แม้ไม่แน่ใจกับชื่อที่เรียกออกไปนัก แต่คงเป็นใครอื่นนอกจากกัปตันคนเก่งแห่งชมรมไปไม่ได้ และสิ่งที่ยืนยันว่าความคิดนี้ของตนถูกต้องคือใบหน้าคมที่แลเห็นได้จากเศษเสี้ยวของแสงจันทร์ที่เล็ดลอดเข้ามา

"คุโรโกะคุงเองหรอกเหรอ?"

น้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงความสงสัยเอ่ยถาม พร้อมก้าวเข้ามาในโรงยิม แววตาสีแดงเข้มคู่นั้นฉายรอยสงสัย ก่อนเกลื่อนหายไป

"ค่ะ ฉันกำลังเก็บอุปกรณ์ฝึกซ้อมอยู่"

เจ้าของชื่อเอ่ยตอบ สมองแล่นคิดไปถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายยังคงอยู่โยงถึงตอนนี้ ปกติแล้วอาคาชิคุงจะกลับบ้านค่อนข้างตรงเวลา เนื่องด้วยธุระทางบ้านที่เข้มงวด

หากในระยะหลังๆ ทั้งการขึ้นเป็นกัปตันและประธานนักเรียนคงมีงานและสิ่งต่างๆ หลายอย่างที่ผลัดเปลี่ยนมาสู่มือของเขา ต่อให้เก่งเกาจเช่นไร การงานที่ต้องเกี่ยวพันกับคนหลายคนย่อมไม่อาจเสร็จสิ้นได้ในอาทิตย์สองอาทิตย์

ช่วงนี้จึงมักได้เห็น 'กัปตันแห่งชมรมบาสเทย์โค' ทำงานล่วงเวลาบ่อยครั้ง สะสางงานเอกสารของทั้งสภานักเรียนและชมรม

แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนอยู่ดึกถึงเพียงนี้

"นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมมีเธออยู่คนเดียว ผู้จัดการคนอื่นไปไหนกันซะล่ะ"

เด็กหนุ่มถาม และก้มลงเก็บลูกบาสที่กลิ้งไหลจากอ้อมแขนเธอไปถือว่า พลางดุนหลังอย่างสุภาพไปทางห้องเก็บของที่ไม่ไกลนัก

"ให้ผมช่วยเถอะ"

อีกฝ่ายเสนออย่างมีน้ำใจ และซักถามความเป็นมาว่าทำไมเธอถึงยังอยู่ในโรงเรียนดึกดื่นป่านนี้ คุโรโกะครุ่นคิดถึงสาเหตุสักพักก่อนจะเลือกใช้คำตอบอย่างระมัดระวังว่า 'ทุกคนมีธุระต้องไปทำกันกะทันหันค่ะ' ซึ่งถูกครึ่งผิดครึ่ง

จริงๆ เพราะสาวๆ เหล่านั้นมีนัดบอดไปเดทกันที่ร้านคาราโอเกะ ส่วนโมโมอิซังที่มักอยู่ช่วยเธอนั้นลากอาโอมิเนะคุงไปซื้อของ โดยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะมีคนทยอยปลีกตัวหายไปทีละคนสองคน

สีหน้าลำบากใจและด้วยความที่ไม่ได้มีธุระอะไรเป็นพิเศษในช่วงเย็น ทำให้เธอต้องออกปากรับอาสาทำหน้าที่ทั้งหมดนี้แทน หากไม่คิดว่ามันจะกินเวลาจนมืดค่ำถึงเพียงนี้

คุโรโกะบอกความจริงไม่หมด หากเชื่อว่าอาคาชิคุงต้องปะติดปะต่อคาดเดาใจความทั้งหมดได้เอง ทั้งสองคนช่วยกันเก็บอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ อย่างเงียบงัน ไม่มีบทสนทนาใดอีก แต่เด็กสาวกลับรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกจ้องอย่างอย่างพิจารณาด้วยสายตาของใครอีกคนที่อยู่ด้วยกัน
และเมื่อมีคนมาช่วยเพิ่ม งานจึงได้เสร็จสิ้นเร็วขึ้นกว่าการทำคนเพียงลำพัง ครู่เดียวทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกเก็บและจัดวางในที่ทางของมันอย่างเรียบร้อย รอเวลาที่ห้องนี้จะถูกเปิดอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

หยาดเหงื่อไหลรินตามขมับ อากาศในช่วงนี้เริ่มอบอ้าวขึ้นเป็นสัญญาณสู่ช่วงฤดูร้อน แม้จะมีสายลมเย็นๆ พัดผ่าน หากในที่อับที่ประตูหน้าต่างได้ถูกปิดลงกลอนเกือบหมดเสียแล้ว ก็แทบไม่มีอากาศให้ถ่ายเท

มือขาวบอบบางจับปลายผ้าขนหนูที่เด็กหนุ่มพาดคล้องไว้กับคอขึ้นซับเหงื่อให้ ในดวงตาสีฟ้าอ่อนแสนเฉยชาราวกับสายน้ำอันสงบนิ่งนั่น ทำให้ใจเต้นอย่างประหลาด

อาคาชิค้นพบเป็นครั้งแรกว่า... ริมฝีปากของหญิงสาวให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มถึงเพียงนี้

เขา... มีคนเสนอตัวและทอดกายให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวหรือเด็กสาวในวัยเดียวกัน ทุกคนล้วนแล้วแต่อยากได้ฝันตื่นหนึ่งจากเขาด้วยกันทั้งสิ้น

แต่เด็กหนุ่มไม่ชอบของไร้คุณภาพ สิ่งที่ได้มาง่ายดายเกินไป มักมีราคาถูกและไม่ถูกใจ

เร็วกว่าความคิด เขารั้งร่างเล็กบางที่เข้ามาใกล้ มือเกาะกุมข้อแขนบอบบางที่ยกค้างใบหน้า

คุโรโกะ เท็ตสึยะเม้มริมฝีปากแน่น แต่พอรับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่โอบประคองแผ่นหลังให้แนบชิดกับลำตัวของอีกฝ่ายก็เผลอสะดุ้งด้วยความตกใจ เป็นอันเปิดโอกาสให้คนที่จ้องรออยู่รุกล้ำเข้ามา

เด็กสาวตื่นตระหนก ค่อนไปทางตกใจกลัวมากกว่าจะคล้อยตาม หากแต่การรุกเร้าแสนอ่อนโยนและหลอกล่อเชิญชวนให้ตกหลุมพรางของคนเจ้าเล่ห์กว่า ทำให้เพียงไม่กี่อึดใจตัวเองก็เบียดกายแนบชิดกับร่างอีกฝ่ายแล้ว

แผ่นอกที่วางมือจิกเกร็งลงไปแน่นตึงกว่าที่ตาเห็น มาจากการเล่นกีฬาและกิจกรรมอื่นอีกมากมายที่คนตรงหน้าทำเป็นประจำ

เสียงชื้นแฉะและริมฝีปากที่ประกบจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เธอต้องหอบหายใจอย่างอ่อนแรง และในขณะที่คิดว่าจะหมดแรงลงไปทั้งอย่างนี้ อ้อมแขนของคนที่ประคองก็โอบรัดที่ช่วงเอวไว้อย่างพอดิบพอดี

ลมหายใจอุ่นร้อนระริดข้างขมับ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจรู้ที่ผมซึ่งมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อยยุ่งเหยิง จนที่รัดคลายตัวออกเอง ทิ้งให้เส้นไหมสีฟ้าอ่อนจางหล่นร่วงมาคลอเคลียลาดไหล่บาง ล้อมกรอบใบหน้าขาวจัดที่สองข้างแก้มกำลังขึ้นสีแดงก่ำเช่นเดียวกับริมฝีปากบางที่ช้ำเล็กน้อย

"นี่เป็นจูบแรกของคุโรโกะคุงเหรอ?" อาคาชิเอ่ยล้อ

ดวงตาสีแดงพราวระยับ ผิดกับใบหน้าที่ระบายรอยยิ้มอ่อนโยนระคนเอ็นดู จนเด็กสาวผู้นึกอยากถองศอกใส่รู้สึกเหมือนตัวเองตาพร่าไปชั่วขณะหนึ่ง

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นอาคาชิคุงยิ้ม
แต่ที่เคยเห็นไม่ใช่รอยยิ้มที่อ่อนโยนขนาดนี้

เด็กสาวลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดอีกฝ่าย ใบหน้าคมคายสมบูรณ์แบบที่หล่อเหลาราวเทพบุตรให้สาวๆ เก็บไปนึกฝันโน้มลงมา

คุโรโกะเชื่อมั่นในจิตใจที่เข้มแข็งของตัวเองเสมอมาว่าไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งใดมาก่อน แต่ในระยะที่สานสบดวงตากันและกันใกล้ชิดจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายเช่นกัน
เธอพบว่าตัวเองต้องมนตร์ในดวงตาสีแดงคู่นั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เราสองคนจูบกัน... ครั้งแล้วครั้งเล่า... สัมผัสและแลกเปลี่ยนถึงลมหายใจฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รู้เวลา

นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมสีอ่อนที่ระลงปรกใบหน้าขาวจัด ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสราวกับสายน้ำจ้องตอบมา

"เธอน่ะ... เป็นของผมได้หรือเปล่า? เท็ตสึยะ"

ไม่ใช่ทั้งคำสารภาพรักหรือคำกล่าวขอสานสัมพันธ์ แต่เป็นประโยคเรียบง่ายเช่นนี้เอง
คุโรโกะอิงใบหน้าซบกับฝ่ามืออุ่นของอีกฝ่ายที่เลื่อนขึ้นหยิบใบหน้า และวางมือตัวเองแตะลงบนหลังมือนั้นอย่างแผ่วเบาแทนคำตอบ
ดวงตาสีฟ้าอ่อนปรือปิดลง พร้อมกับสติที่ล่องลอยหายไป


และในค่ำคืนหนึ่งของฤดูร้อนในปีนั้น เธอก็ 'เป็นของ' อาคาชิคุง


TBC.

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

-KnB Fic- Until…now. -05-

Until…now.

Fandom : Kuroko no Basket

Rate : PG-15 > NC

Pairing:
Akashi Seijurou x Kuroko Tetsuya(C) , Himuro Tatsuya x Kagami Taiga(C)

Genre : AU, Drama , NTR(เล็กน้อย?)

Note :

เรื่องนี้เป็นกึ่งๆ แนว NTR มีการสลับคู่ และน้องครก. ร้ายอยู่พอสมควร
มีการพูดถึงความสัมพันธ์ทางกายในเชิงชู้สาวแนวคู่นอน ใครไม่ชอบแนวนี้ก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

และที่สำคัญเป็นแนวฟิคสดที่มีการวางโคร่งไว้เพียงคร่าวๆ
คิดอะไรหรืออย่างแต่งอะไรจะเป็นตามใจฉันคนแต่งนะคะ ฮา




Author by Lina(ChaCHa)
Story by kyokikuma




-05-





ในที่สุดเธอก็หามุมสงบได้
สายลมเย็นจัดค่อนข้างบาดผิว กระนั้นแล้วก็เรียกความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าได้มากจนมองข้ามมันไป
อ้อมแขนเปล่าเปลือยยกขึ้นกอดตัวเองไว้แนบแน่น พลางปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าและล่องลอยไปกับทิวทัศน์ยามค่ำคืน
แสงสีจากรถยนตร์และอาคารในเมืองใหญ่ที่ไม่เคยหลับตาเจิดจ้าพร่าพราย ละลานตาไปด้วยกระแสชีวิตที่ดำเนินไปของคนมากมาย
ตัวเราเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ จุดหนึ่งบนโลกใบนี้เท่านั้นเอง
สติรับรู้ล่องลอยไปไกลแสนไกล กระทั่งร่างกายอุ่นขึ้นเพราะอ้อมแขนของใครคนหนึ่งโอบรัดลงมาอย่างถือสิทธิ์ พร้อมน้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาข้างขมับ
ไม่เจอกันนานเลยนะ เท็ตสึยะ”
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก หันกลับหลังไปทันที แต่ราวกับรอจังหวะอยู่ก่อนแล้ว เพราะทันทีที่หันกลับไปสิ่งที่ตามมาคือริมฝีปากที่ทาบทับลงมา ลมหายใจร้อนผะแผ่วระริดปลายจมูกและความเปียกชื้นที่เลื่อนไหลตามแนวฟัน ล่วงล้ำเข้าดูดกลืนอย่างจวบจ้วง ละลายสติและความนึกคิดให้เลือนหาย
สัมผัสนั้นเนิ่นนานราวกับจะให้คนในอ้อมกอดสิ้นลม
แต่เท็ตสึยะของเขาไม่ได้ปราบพยศง่ายดายถึงเพียงนั้น เมื่อตั้งสติได้ส้นรองเท้าแหลมสูงก็บดขยี้ลงบนหน้าเท้าของเขา แรงมากพอให้ต้องปล่อยมือ
ใบหน้าของอาคาชิระบายไปด้วยรอยยิ้ม ตรงข้ามกับใบหน้าราบเรียบของคุโรโกะ รอยลิปสติกจางลงและเปื้อนตามแนวริมฝีปากบางเล็กน้อย
ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอกนะคะ”
ดวงตาสีอ่อนประสานกร้าวอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะอับจนด้วยหนทางหนี ด้านหลังอีกฝ่ายเป็นระเบียงที่ยื่นตัวออกไปจากตึกสูงกว่าสามสิบชั้น ตรงหน้าคือเขาที่กั้นขวางระหว่างทางเข้าออกเดียว
แต่เล่นกับเรียวตะได้สินะ?”
อาคาชิกล่าว พลางสาวเท้าเข้าใกล้ขึ้นอีก น้ำเสียงผ่อนคลายและใบหน้ายังนิ่งสงบไม่แปรเปลี่ยน หากกดดันจนเธอต้องถอยหนี
คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า? เท็ตสึยะ” ชายหนุ่มเท้าแขนวางกั้นตัวเธอไว้กับขอบระเบียงสูง คุโรโกะไม่หลบสายตา แต่ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตัวเองพลาดตกลงไปในกับดักของอีกฝ่ายอย่างจัง
เธอ... ถูกจับจ้องด้วยสายตาของคนคนนี้ตลอดเวลา
ไม่ค่ะ” คำตอบที่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นตามแรงทิฐิ ไม่อาจกลบรอยสั่นไหวในดวงตาที่สะท้อนภาพดวงตาสีแดงเข้มที่เลื่อนเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นได้สักนิก
งั้นเหรอครับ... แต่เธอก็ยอมให้ผมจูบนี่นะ?”
อาคาชิเย้า แทบจะได้ยินเสียงกัดฟันกรอดจากคนที่โดนหยอกเย้าเลยทีเดียว
สวยดีนะ ผมไม่เคยเห็นเท็ตสึยะแต่งตัวแบบนี้เลย”
“เดรสสีฟ้าอ่อนชุดนี้รับกับสีผมและสีตาของเธอจริงๆ”
คุโรโกะสะบัดหน้าหนีมือที่เอื้อมมาแตะปอยผม ปลายนิ้วอุ่นจัดนั่นจึงตกลงเคลียแก้มนวลแทน
“สมกับที่เป็นนายแบบ เรียวตะรสนิยมดีน่าดู”
หากเสียงและแววตากลับไม่ชื่นชมดังคำพูด ดวงตาสีแดงแข็งกร้าว พร้อมกับชายหนุ่มที่สืบเท้ารุกเข้าใกล้กว่าเดิม คราวนี้แผ่นหลังเปล่าเปลือยของเธอทาบทับไปกับขอบระเบียงจนไร้ช่องว่าง ใกล้จนปลายจมูกของเสี้ยวหน้าคนที่โน้มลงมาแตะคลอเคลียกับใบหน้านวลได้
ลมหายใจเป่ารดผิวหน้าจนร้อนผะผ่าวราวกับถูกพรมจูบไปทีละจุด ตั้งแต่หน้าผาก แก้ม จนถึงริมฝีปากที่เม้มแน่นนี้
                “คิดว่าผมจะยอมให้เธอเป็นของคนอื่นเหรอ”
“ของคุณ? เกรงว่าจะไม่ใช่นะคะ”
“เพราะถ้าฉันเป็นของผู้ชายทุกคนที่นอนด้วย... ก็คงไม่ใช่ของคุณแค่คนเดียวแล้วล่ะค่ะ”
คุโรโกะโต้ตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
ดวงตาสีแดงวาวโรจน์กับคำกล่าวนั้น ก่อนจะกระตุกยิ้มเย็น
“แม้ว่าผมจะเห็นผู้ชายของเธอกำลังอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่แม้แต่น้องสาวของเขาน่ะเหรอ”
มือเรียวยาวคว้าปลายผมหอมขึ้นแนบจูบ
“เลือกคนได้ดีนี่ เท็ตสึยะ”
ดวงตาต่างสีจ้องประสานกัน ก่อนฝ่ายที่โดนไล่ต้อนจะสวนกลับอย่างไม่ยินดียินร้ายกับคำเยาะนั่น
“ฉันเลือกได้ดีตั้งแต่เริ่มนอนกับคุณแล้วค่ะ”
สายตาเย็นชาที่มองกลับมา ก่อให้เกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นในใจ ทั้งหมดที่เขาทำลงไปก็เพื่อคนตรงหน้าเท่านั้น
แต่หากทำให้ต้องเสียไป...
ไม่... ต่อให้เธอหนีหาย
ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนผมก็จะทำให้เธอกลับมาเป็นของผม
            เท็ตสึยะ
           
เครื่องเสียงในห้องจัดเลี้ยงเริ่มดังขึ้น มีพิธีกรกล่าวคำเปิดงานอย่างเป็นทางการ แสงไฟในห้องปิดลงเพื่อย้ายความสนใจของผู้ร่วมงานให้ไปจดจ่อที่เวทีกลางห้อง
                หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงอยู่ในชุดกระโปรงแปลกตา แต่ไม่แปลกประหลาดและเข้ากับเรือนร่างเพรียวสมส่วนเต็มทรวดทรงในสีดำสนิทที่ขับผิวสีน้ำตาลอ่อนให้โดดเด่น
                ใบหน้าคมสวยนั่นดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด และคงตื่นตกใจแน่ๆ แต่ไหนแต่ไรคางามิซังก็ไม่ถนัดการเป็นจุดสนใจอยู่แล้ว
                “ต่อไปจะเป็นการเมนหลักของงานในวันนี้นะครับ”
                “นอกจากฉลองครบร้อยห้าสิบปีของกลุ่มบริษัท อาคาชิ คอร์เปอเรชั่น แล้วยังมีการประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการของผู้นำคนต่อไป อาคาชิ เซย์จูโร่ และ คางามิ ไทกะ ครับ!
                กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คางามิของบ้านคางามิซังเพิ่งที่ได้จับมือร่วมหุ้นกับตระกูลอาคาชิไปก่อนหน้านี้ การหมั้นคงเป็นการผูกสัมพันธ์และเกื้อหนุนอำนาจธุรกิจกันในระยะยาว
                แม้จะควบคุมเครือข่ายการเงินและธนาคารของประเทศไว้ ซ้ำยังมีเส้นสายในวงการเมืองอีกไม่ใช่น้อย แต่ในตลาดของที่ดิน คางามิ ถือได้ว่าครอบครองส่วนแบ่งมากกว่า อาคาชิ มากนัก
                การร่วมมือกันในครั้งนี้คงเป็นไปตามกลไกของผลประโยชน์ที่ต้องสนับสนุนและช่วยกันกอบโกยให้ได้มากที่สุด
                เสียงปรบมือดังขึ้นจากผู้คนทั่วทั้งงาน
                คางามิซัง... เป็นแต่หมากตัวหนึ่งที่โดนดึงมาร่วมในเกมสกปรกโสมมนี้ และคงเป็นฝีมือใครไปไม่ได้เลยนอกจาก
                “อาคาชิคุง... คุณคิดจะทำอะไรกันแน่คะ?”
                คุโรโกะมองภาพมือของคนทั้งสองที่กอบกุมกันไว้อย่างแนบแน่น หัวใจปวดร้าว สมองรับรู้และเข้าใจถึงความเป็นไปของเรื่องที่กำลังเป็นอยู่

                เธอ... ไม่อาจได้ยืนในจุดนั้นเคียงข้างเขาได้
                ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแล้ว ต่อให้จงใจทอดกายให้ใครอีกคน ลบล้างสัมผัสที่เคยมี ความรู้สึกหรือกระทั่งความทรงจำ
                มันก็ไม่มีความหมายเลยสักนิด
                “คุโรโกจจิ... ผมไม่ได้อยากให้เธอมาเห็นอะไรแบบนี้”
                มือที่กุมมือของเธอไว้อบอุ่น และปรารถนาดีต่อเธอเสมอมา          
คิเสะก็แค่... อยากให้คนทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้ จากตรงนี้เขาเริ่มคาดเดาถึงสิ่งที่อาคาชิจจิต้องการทำแล้ว
                และเหตุผลของการกระทำทั้งหมดก็เพื่อคุโรโกจจิ
                ทำเพื่อให้คุโรโกจจิสามารถเข้าไปยืนเคียงข้างตัวเองได้
                “เชื่อผมนะ ยังไงคนที่อาคาชิจจิรักและอยากจะอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็มีแค่คุโรโกจจิคนเดียว”
                “ฉัน... ไม่ได้เป็นคนดีพอขนาดนั้นหรอกค่ะ”
                ไม่มีค่าพอหรอกค่ะ
                ความคิดแรกที่มีตอนเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ความเหมาะสมหรืออะไรทั้งหลายอย่าง        พังทลายความรู้สึกที่มีลงตรงหน้าอย่างย่อยยับ
               
เธอรู้ดีว่าคางามิซังรักฮิมุโระซังมากแค่ไหน
                แต่ถึงจะรู้... เธอก็ใช้ผู้ชายคนนั้นเป็นเครื่องมือแก้แค้นให้กับความเย็นชาและไม่ชัดเจนของอาคาชิคุง
                ถ้ารู้ว่าของของตัวเองแปดเปื้อนไปด้วยมือของคนอื่นแล้ว คุณจะรู้สึกเจ็บแค่ไหนกันคะ?

แค่ความคิดนี้เท่านั้นเองที่ผลักเธอเข้าหาฮิมุโระ
มือที่ประคองใบหน้านั้น ริมฝีปากที่แนบจูบ หรือร่างกายที่ยกมอบให้กกกอด
ฉันก็แค่... อยากให้คุณเจ็บ แบบที่ฉันเจ็บ
เพราะไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ถึงฉันจะหลอกตัวเองได้ตลอดมาว่าฉันเป็นคนเดียวที่ได้ครอบครองคุณ
แต่จริงๆ แล้วแม้แต่คำว่า 'รัก' คุณก็ไม่เคยพูดออกมาเลยสักครั้ง
ตรงไหนกันคะ? ที่ยืนของฉันสำหรับคุณ

...อาคาชิคุง...



“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ คิเสะคุง”
หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับทั้งความรู้สึกของตัวเอง ปวดหัวจนคล้ายกับว่าจะสำรอกเอาความรู้สึกขยะแขยงตัวเองออกมากอง
คิเสะอาสาไปส่งที่ห้องพัก แต่คุโรโกะปฏิเสธและบอกปัดว่าอยากอยู่คนเดียว ใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้ออกมาของคนสำคัญสร้างความปวดใจให้จนเขาทนไม่ไหว ยืนกรานหนักแน่นว่าจะไปส่งให้ได้ แต่คุโรโกะชิงเปิดประตูรถแท็กซี่หนีหายไปซะก่อน
เธอไม่ได้กลับบ้านและไม่ได้กลับห้องที่ตัวเองโดนบังคับข้าวของย้ายเข้าไป
                “จอดตรงแยกข้างหน้านะคะ”
                ธนบัตรเกินจำนวนค่าโดยสารถูกส่งมอบให้คนขับรถ เสียงของโทรศัพท์ในกระเป๋าถือดังถี่รัวไม่หยุด โดยที่เธอค่อนข้างแน่ใจว่ามันจะเป็นสายจากใคร
                ร่างเล็กบางในชุดเดรสเข้ารูปสวยงามเดินเพียงลำพังบนข้างถนนที่มีเพียงแสงไหสลัวริบหรี่ เหล่าคนไร้บ้านเมียงมองอย่างสนใจ หากไม่ได้เข้าไปทำอันตรายแต่อย่างใด ทำเพียงแค่มองกันอยู่ห่างๆ เท่านั้น
                ขาพาร่างเดินไปอย่างไร้จุดหมาย และไม่นานนักสายฝนก็ตกลงมาราวกับจะตอกย้ำดวงใจที่หม่นหมอง
                แม้อาการคลื่นไส้และวิงเวียนจะตีรวนจนแทบจะทำให้ทรุดลงไปกับพื้น แต่เธอก็ยังเดินต่อไป
                เสื้อผ้าเปียกปอน แนบสนิทกับเรือนร่างบอบบางให้หนาวสั่น ริมฝีปากสีแดงซีดขาวจนแทบไร้สีเลือด
                สำนึกสุดท้ายคือแสงสว่างพร่าตาและความเยียบเย็นของพื้นถนน
               
เปลือกตาบางลืมขึ้นอย่างเชื่อมช้าด้วยเสียงของการเคลื่อนไหวข้างตัว เตียงนุ่มและอุ่น เพดานของห้องที่ไม่เคยเห็น
ดวงตาสีฟ้าอ่อนเลื่อนมองไปยังต้นกำเนิดของเสียงที่ปลุกให้เธอตื่นขึ้นจากนิทรา มือเรียวได้รูปกำลังบิดหมาดผ้าขนหนูอย่างตั้งใจ เสี้ยวหน้าคมสวยสะดุดตา
“ฮิ..มุโระ..ซัง?”
ผู้ที่น่าจะเป็นเจ้าของห้องหันมา และวางผ้าชื้นหมาดบนหน้าผากเธอ             คุโรโกะมองอีกฝาายด้วยสายตาเลื่อนลอยและงุนงง ร่างกายร้อนผะผ่าวไปทั้งตัว ลำคอแห้งผากราวกับกลืนกินเม็ดทรายลงไป ไร้เรี่ยวแรงและเหนื่อยอ่อนจนแทบจะหลับลงอีกรอบ
หากความสงสัยกลับไม่อนุญาตให้ทำตาม สมองจึงสั่งให้ฝืนร่าง พยุงเปลือกตาที่หนักอึ้งเหลือเกินไว้
“เธอล้มลงหน้ารถผมน่ะ”
ฮิมุโระตอบ ก่อนจะให้มือทาบอังตรงซอกคอ เล่นเอาคนนอนอยู่สะดุ้งโหยงเกือบเด้งตัวหนีอีกฝ่าย แต่ก็ได้เพียงปรือตามองอย่างอ่อนแรง
“ขอโทษที ผมแค่จะตรวจดูว่าไข้ลดหรือยัง... ตัวยังอุ่นๆ อยู่มาก นอนพักก่อนเถอะครับ”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ฟังดูนุ่มนวลและชวนให้สงบใจอย่างประหลาด ซึ่งเกินกว่าจะฝืนร่างกายไว้ได้อีกต่อไป
คุโรโกะหลับลงอีกครั้ง


TBC.