วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

::My Father::07::Dream?::

::Dream?::


คืนนั้นเอเลนเหมือนอุปทาน... เขาอาจจะหลอนไปเองก็ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เงามืดคืบคลานมาหยุดเบื้องหน้าคือลูกชายคนเดียวกำลังแสยะยิ้มเย็น

มือที่ไม่รู้ว่าหยาบและแข็งกระด้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เลื่อนไล้ไปตามผิวกายเนิบช้า สะกิดตุ่มไตสีอ่อนเม็ดเล็กบนแผ่นอกบางให้ชูชันขึ้นมือ

อีกข้างถูกครอบครองด้วยเรียวลิ้นที่ก้มลงมาเล็มเลีย ร่างกายเสียวซ่านตอบรับทุกการสัมผัสเล้าโลม ปลายเท้าเหยียดเกร็งจิกแน่นกับผ้าปูที่นอน

หูได้รับเสียงครางเครือประหลาดอันไม่คุ้นชิน กระเส้าหวานราวกับจะเรียกร้อง...อย่างน่าละอาย

ฉันชอบ...ร้องอีกสิ ใบหน้าคุ้นตาแต่การแสดงอารมณ์ที่ไม่คุ้นชินโน้มลงมาคลอเคลีย เสียงหอบต่ำดังดูพร่าลึกกระซิบหยอกริมหู

ม่ะ..อย่า นี่...มัน... ได้ยินเสียงที่เหมือนเสียงตัวเองตอบไปอย่างหวาดผวา พร้อมกับรู้สึกได้ถึงส่วนอ่อนไหวที่ถูกแตะต้องจาบจ้วง

มือคู่นั้นกอบกำส่วนที่ไหวระริก พร้อมกับใช้ปลายนิ้วนวดเฟ้นรูดรั้ง หัวนิ้วโป้งจิกขยี้บนปลายยอดจนเขาครางสะอื้น

เสียงหอบหายใจผะผ่าวแว่วชัดในความเงียบวสงัด ราวกับรู้จักร่างกายนี้เป็นอย่างดี เขาถูกปรนเปรอรวดเร็ว แม้เจ็บแสบเพียงใดแต่ก็สุขสมมากเท่านั้น

ความรู้สึกสุดท้ายก่อนปลดปล่อยเหมือนการโดนฉุดขึ้นฟ้า หัวขาวโพลน โล่งและเต็มตื้น หยาดหยดสีขาวขุ่นไหลเยิ้มตามง่ามนิ้วมือ

เอเลนทำได้เพียงหอบหายใจแผ่ว เหนื่อย...ทั้งที่ไม่ได้ขยับร่างกายเองแม้แต่น้อย ดวงตาช้อนมองคนตรงหน้า นัยน์ตาสีเทาจางวูบไหวอย่างประหลาด

ขอร้อง...อย่า เสียงหวานพร่าเอ่ยห้ามราวกับครางละเมอ ยามร่างถูกดันหงายลงไปซวนซบกับฟูกเตียง แผ่นหลังทายสนิทกับไปพื้นผ้าขาว

มือคู่เดียวกับที่สำเร็จความใคร่ให้เขาอย่างไม่่ยินยอมถอดปลดลากกางเกงผ้าไปตามเรียวขา จับรั้งหัวเข่าให้สองขาแยกออกกว้าง

ท่อนล่าวเปล่าเปลือยโดยสมบูรณ์ มีคราบของเหลวเหนียวหนืดบางอย่างแต้มประปรายตามโคนขาและส่วนที่อ่อนไหว

ภาพตรงหน้าเบลอมัวจากหยดน้ำตา จากร่างที่ส่ายหน้าปฏิเสธไปมาไม่หยุด ไม่...อย่าทำแบบนี้

ในห้วงสติที่ราวกับความฝัน เอเลนได้ยินเสียงกรีดร้องของตนยามร่างกายถูกชำแรกแทรกเข้ามา แก่นกายใหญ่โตแข็งขึงร้อนลวกเบื้องล่าง

ฉีกกฝ่าประตูที่ปิดสนิทเข้ามาโดยไร้การตระเตรียมล่วงหน้า จนปริแตกซึมเลือด สีแดงฉานหลั่งรดผ้าปูสีขาวตัดกันราวกับประชดประชัน

ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาราวกับจะแยกร่างเป็นสองส่วน เขากรีดร้องอย่างสิ้นสติทั้งน้ำตา แต่ไร้ผล...แรงกระแทะกระทั้นรุนแรงยิ่งทบทวี


นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เขามองเห็น และเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครา ใบหน้าของลูกชายก็ลอยเด่นเคียงข้าง


ใบหน้าคมเข้มเย็นชา ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสนิทตัดสั้น มีจุดเด่นเป็นนัยน์ตาสีเทาคมกริบราวเหล็กกล้า เรียวปากหนาเผยออ้าเล็กน้อยจากการผ่อนลมหายใจ

ใต้แสงแดดอ่อนจางของอรุณรุ่ง ยิ่งเสริมให้เด็กคนนี้ดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรผู้เย็นชาสูงส่ง

แทบไม่น่าเชื่อว่านี่เหรอจะเป็นคนทำเรื่องน่าตกใจในห้องอาบน้ำเมื่อวาน และยิ่งเป็นไปไม่ได้กับเรื่องประหลาดในฝันของเขา

เอเลนลุกขึ้นบิดตัว... ร่างกายยังมีความอ่อนล้าปวดเมื่อย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเช่นเคย คงมาชจากแขนที่โอบแน่นไม่ปล่อยของลูกชายที่โตแต่ตัวนี่แหละ

แต่พอขาวางลงบนพื้นห้อง ความเจ็บแปลบจากสะโพกก็แล่นผ่านไขสันหลังขึ้นมาทันที เอเลนนิ่วหน้า เม้มริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงร้องในลำคอ

เอเลน...เสียงพึมพำดังมาจากข้างหลัง ดูท่าการขยับตัวของคงทำให้เด็กคนนี้ตื่น เป็นอะไร? และขธรที่กำลังจะบอกว่า'นอนต่อเถอะ'ก็ดันถามสวยขึ้นซะก่อน

ปวดเอวน่ะ สะโพกด้วย สงสัยเมื่อวานจะเผลอเดินอะไรเข้าที่ทำงานนะ เอเลนตาม พลางนวดคลึงบั้นเอวไปพลางไม่ทันสังเกตตาสีเทาของลูกชายที่แวววับวูบหนึ่ง

รีไวมองร่างที่ขยับหยุกหยิกของพ่อนิด ในใจครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...เขาย่องเข้าหาอีกฝ่ายตามปกติ แต่ปฏิกิริยาเอเลนกลับแปลกไปจากเดิม

ไม่เหมือนคนมีสติเต็มร้อย แต่ก็ไม่ใช่หลับจนไม่รู้เรื่อง ร่างเพรียวกรีดร้องอย่างสิ้นสติ น้ำตานองหน้า หากตอบสนองทุกสัมผัสที่ฟอนเฟ้นรุกเร้า

ริมฝีปากบางเม้มแน่น ยามแตะลงบนเนื้อนูนเม็ดเล็กสีอ่อนของแผ่นอกแบนราบ และสั่นสะท้านรุนแรงยามโดนโลมเลียปลุกเร้า

ร่างเพรียวหอบรัวและครางกระเส้าแรง นัยน์ตาสีเขียวปรือเยิ้มมีหยาดน้ำตาคลอ ช่างกระตุ้นความอยากกระหายมากกว่าเดิมจนเผลอรุนแรงไป

ทีแรกนึกว่าตื่นมาเอเลนจะกลัวจนถอยหนีเขาซะอีก นี่กลับดูจำอะไรไม่ได้เลย คิดว่าเป็นฝันซ้อนฝันเหรอ?


วันนี้ของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตลดราคา ประกอบกับเขาเลิกงานเร็วพอดี เอเลนเลยตัดสินใจแวะซื้อของซะหน่อย

จากที่แต่เดิมมักไปซื้อที่ตลาดมากกว่า เพราะมักจะได้ของแถมมาประจำจากพ่อค้าแม่ค้าในละแวกนั้น

ดวงตาสีเขียวไล่ไปตามรายการสินค้าในโบรชัวร์ มือวงปากกาเมจิคไว้ลวกๆ กับสิ่งที่จำเป็นก่อน "อืม...นมสด ไข่ไก่ แล้วก็กระดาษทิชชู่ เอ๋...."

กระทั่งรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมา... ร่างสูงโปร่งหันซ้ายหันขวาอย่างงุนงง ก่อนจะปะทะกับดวงตาคู่หนึ่งที่มองมา...

นัยน์ตาสีเทาเรียวรีคมกริบราวกับเหล็กกล้า คล้ายกับใครบางคนอย่างน่าประหลาด เอเลนกะพริบตาปริบๆ 2-3ที ใช่แล้ว...เหมือนกับรีไวเลย

เค้าโครงรูปหน้าก็ใช่ ไหนจะบรรยากาศมืดหม่นดำทะมึนนั่นอีก

เอเลนมองชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทที่ดูทะมึนไปทั้งตัวด้วยแววตาสงสัย ผมสีดำตัดสั้น ตาสีเทาเรียวรี เหมือนรีไวมากกว่าเขาที่เป็นพ่อซะอีก

ถ้าไม่ติดว่ารีอาซังไม่มีญาติที่ไหน เขาคงคิดว่าต้องเป็นเชื้อสายกันสักทางแน่ๆ สงสัยทฤษฎีที่ว่าบนโลกนี้มีคนหน้าเหมือนกันสามคนคงจะจริง

รีไว3คน คิดแล้วตลกแฮะ... เอเลนอมยิ้มอย่างนึกสนุกกับภาพแปลกๆ ในหัว ทำเอาลูกชายที่เรียกอยู่นานสองนานไม่หันอารมณ์บูดขึ้นมาทันที

น่าจะ..อายุมากกว่าเราอีกมั้งนั้น? เอเลนคิด และขณะที่กำลังอยู่ในภวังค์ เสียงเรียกอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลังซะก่อน

เอเลน! และสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าอ่อนเยาว์เจนตาของลูกชายคนเดียว ชายหนุ่มยิ้ม หากยังไม่ทันเอ่ยทักทาย สองแขนแกร่งก็โอบรัดเข้าไปสวมกอดแนบแน่น

จนรู้สึกว่ามันชักจะเริ่มเจ็บน่ะแหละ เขาถึงได้เอ่ยประท้วง นี่...รีไว ปล่อยได้แล้ว แต่คำตอบที่สวยมาแบบจะทันทีคือ... ไม่...ฉันจะกอดของฉันแบบนี้

ง่า แต่นี่มันกลางซุปเปอร์ฯ ผู้เป็นพ่อครวญ ไม่รู้อารมณ์เสียหรือของขึ้น ปกติจะเป็นเฉพาะเวลามีคนมายุ่มย่ามกับเขาแท้ๆ นี่ยังไม่มีใครทำอะไรเลยนะ

หงุดหงิด....หงุดหงิดชะมัด รีไวคิด แต่ไม่เคยโกรธเคืองได้เลยกับใบหน้าซื่อๆ ที่มีดวงตาสีเขียวใสมองมาด้วยสายตาลำบากใจแบบนั้น

แค่คิดว่ามีคนสนใจ....มีคนมองมาที่คนนี้ เขาก็แทบอยากปรี่ไปควักดวงตาคู่นั้นออกมาอยู่แล้ว ยิ่งมีสายตาของคนคนนั้นมองตามกลับไปยิ่งขุ่นมัวในอารมณ์

หวง...รีไวหวงจนแทบบ้า แต่พ่อ...เอเลนกลับไม่เคยรับรู้หรือต่อให้รู้ก็ไม่เข้าใจว่าเขารู้สึกยังไง

และก็เป็นตามที่คิด มือเรียววางบนศีรษะของคนที่กอดแน่น ลูบเบาๆราวกับกล่อมเด็กน้อย พร้อมพรอดกระซิบริมหู โอเคๆ พ่อไม่เหม่อแล้วครับ รีไวไม่โกรธนะ

ไม่ใช่...ช่างเถอะ คร้านจะอธิบาย ยิ่งพอปล่อยมือแล้วเห็นตาใสๆมองมาแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวยิ่งอ่อนใจ ไปซื้อของเถอะ ว่าแล้วจับจูงอีกฝ่ายตัดบท

ตาเหลือบมองร่างสูงกว่าที่เดินตามอย่างว่าง่าย ราวกับสลับบทพ่อกับลูกกัน เอเลนเป็นแบบนี้เสมอยอมลงให้เขาเสมอ เพราะรักมากและไม่เหลือใครอีกแล้ว

กลัวว่าจะเสียเขาไปเหมือนคนอื่นๆ จนมองข้ามความผิดปกติหลายอย่างที่เขาทำไป กลัวกับการตั้งข้อสงสัยที่จะทำให้เขาห่างออกไป

และจากเหตุการณ์เมื่อเร็วๆนี้ ในห้องน้ำนั้น เอเลนหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสหรืออยู่ใกล้เขา การลูบหัวเมื่อครู่เป็นครั้งแรกนับจากวันนั้น

แววตาที่มองมาสั่นไหวแฝงความกังวลใจ....เคลือบแคลงบ่อยครั้ง แต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วเก็บความสงสัยนั้นต่อไป

เพื่อจะได้หลอกตัวเองต่อไปได้ว่าเขายังเป็นเช่นที่ตัวเองเข้าใจ ลูกชายผู้เคร่งขรึมเกินวัยและมีมุมเด็กๆอย่างการติดสกินชิฟ



เหตุการณ์ในห้องอาบน้ำเมื่อวานทำเอาเอเลนคิดหนัก.... เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรคือสาเหตุของการกระทำแบบนั้นของลูกชายคนเดียว

จะว่าขาดเรื่องพวกนี้ก็ไม่น่าใช่... เท่าที่เคยไปร่วมการชมการเรียนการสอน ถึงจะเย็นชา แต่วัดจากสายตาสาวๆที่แทบมองตามกันเหลียวหลังนั่น..

เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่รีไวจะไม่มีใคร อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีคนคบหาดูใจแหละ! ถึงเขาจะไม่เคยถามตรงๆ ก็เถอะน่ะนะ....

สมองคิดไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่มือก็พลิกจับฉลากของสิ่งที่ซื้อมาดู ก่อนวางลงในรถเข็นอย่างคล่องแคล่วตามความเคยชิน

นี่...เอเลน เหม่อเกินไปแล้ว เสียงทุ้มของเด็กเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มดังประชิดริมหู เป็นเสียงที่คุ้นเคย หากเจ้าของชื่อกลับผงะด้วยความหวาดผวา

ระ..รีไว ใบหน้าหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็พบร่างสันทัดของเด็กหนุ่มผมสีดำตัดสั้นยืนซ้อนหลังอยู่ด้วยระยะใกล้ชิดที่แทบไม่เหลือความห่าง

และพอหันมาประจันหน้าก็กลับกลายเป็นว่าเหมือนโดนขังในอ้อมแขนอีกฝ่ายไปโดยอัตโนมัติ ตาสีเขียวมองซ้ายขวาอย่างตื่นตระหนก แล้วก็พบว่าบล็อคสินค้านี้

ร้างผู้คนโดยสิ้นเชิง อาจมีสวนไปมาบ้าง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาลึกเช่นเขา ตอนนี้จึงแทบเรียกได้ว่าเขาอยู่กับรีไวแค่สองคนเท่านั้น

อ๊ะ! เอเลน! เสียงเรียกชื่ออันคุ้นหู ส่งผลให้ร่างเพรียวสะดุ้งสุดกาย มือผลักร่างเตี้ยกว่าของลูกชายคนเดียวโดยแรง ก่อนผลุนผลันกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีไป

จะลากคว้าจับรั้งไว้เด็กหนุ่มก็ทำได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ ดวงตาสีเทาจางมองตามร่างของบิดาที่เข็นรถไปหาเจ้าของเสียงด้วยแววตาราบเรียบยากจะคาดเดาอารมณ์ และสาวเท้าตามไปเงียบๆ แทน

เอเลนรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาไม่ป่าน ดวงตาที่จ้องมองมามีประกายจริงจังแปลกประหลาด ชวนให้ปวดมวนที่ท้องน้อยและปลุกความตื่นกลัวในใจ

หน้าอกข้างซ้ายที่มือยกมาทาบทับโดยไม่รู้ตัวเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก

ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขาอาจจะคิดว่ารีไว-น่ากลัว-อยู่บ้างก็จริง แต่เพียงแค่ความคิด เขาไม่เคยกลัวเด็กคนนั้นมาก่อน ในสายตาของพ่อที่เลี้ยงดูอุ้มชูมาด้วยสองมือตัวเอง รีไวยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่แค่เคร่งขรึม ชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเกินวัยเท่านั้นเอง

หากเมื่อกี้มันไม่ใช่...ใบหน้านิ่งเฉยและดวงตาที่มีแววจริงจังแฝงรอยอารมณ์บางอย่างทำให้เขาขนลุกซู่ ยิ่งจู่ๆ เลื่อนใบหน้ามาชิดใกล้จนลมหายใจร้อนผะผ่าวระรดข้างผิวแก้มยิ่งเร่งความตื่นตระหนก เลือดในกายเย็นเฉียบลงอย่างกะทันหัน 

นาทีนั้น...เอเลนเห็นเป็นภาพช้าๆ ช้าๆ ที่มือเรียวยาวคู่นั้นเอื้อมมาหา สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวคือความหวาดกลัวสุดใจ

กลัว...เขากลัวคนตรงหน้า
ราวกับไม่ใช่รีไว...ไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของตัวเอง
หน้านายดูซีดๆ นะเอเลน ร่างสูงโปร่งเกินมาตรฐานไปหลายสิบเซนติเมตรโพล่งถามขึ้นระหว่างบทสนทนาของเพื่อนสนิทสมัยเด็กตัวเองกับคนตรงหน้า มือสีแทนอ่อนกำสิ่งที่ยึดจับอยู่แน่นจนขึ้นข้อขาวและพอทักก็เริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด

ปลายนิ้วเรียวพยายาทแบออก คลายความเกร็ง หากสักพักก็กลับไปจิกแน่นเช่นเดิม

เบลทรูทสะกิดใจกับปฏิกิริยาของหนึ่งในเพื่อมร่วมงานจนไม่อาจวางใจ หางเบือนไปสบกับดวงตาสีฟ้าของร่างหนาที่สนทนากับอีกฝ่ายแทน



TBC.