::Dream?::
คืนนั้นเอเลนเหมือนอุปทาน...
เขาอาจจะหลอนไปเองก็ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
เงามืดคืบคลานมาหยุดเบื้องหน้าคือลูกชายคนเดียวกำลังแสยะยิ้มเย็น
มือที่ไม่รู้ว่าหยาบและแข็งกระด้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เลื่อนไล้ไปตามผิวกายเนิบช้า
สะกิดตุ่มไตสีอ่อนเม็ดเล็กบนแผ่นอกบางให้ชูชันขึ้นมือ
อีกข้างถูกครอบครองด้วยเรียวลิ้นที่ก้มลงมาเล็มเลีย
ร่างกายเสียวซ่านตอบรับทุกการสัมผัสเล้าโลม
ปลายเท้าเหยียดเกร็งจิกแน่นกับผ้าปูที่นอน
หูได้รับเสียงครางเครือประหลาดอันไม่คุ้นชิน
กระเส้าหวานราวกับจะเรียกร้อง...อย่างน่าละอาย
ฉันชอบ...ร้องอีกสิ ใบหน้าคุ้นตาแต่การแสดงอารมณ์ที่ไม่คุ้นชินโน้มลงมาคลอเคลีย
เสียงหอบต่ำดังดูพร่าลึกกระซิบหยอกริมหู
ม่ะ..อย่า นี่...มัน...
ได้ยินเสียงที่เหมือนเสียงตัวเองตอบไปอย่างหวาดผวา
พร้อมกับรู้สึกได้ถึงส่วนอ่อนไหวที่ถูกแตะต้องจาบจ้วง
มือคู่นั้นกอบกำส่วนที่ไหวระริก พร้อมกับใช้ปลายนิ้วนวดเฟ้นรูดรั้ง
หัวนิ้วโป้งจิกขยี้บนปลายยอดจนเขาครางสะอื้น
เสียงหอบหายใจผะผ่าวแว่วชัดในความเงียบวสงัด
ราวกับรู้จักร่างกายนี้เป็นอย่างดี เขาถูกปรนเปรอรวดเร็ว
แม้เจ็บแสบเพียงใดแต่ก็สุขสมมากเท่านั้น
ความรู้สึกสุดท้ายก่อนปลดปล่อยเหมือนการโดนฉุดขึ้นฟ้า
หัวขาวโพลน โล่งและเต็มตื้น หยาดหยดสีขาวขุ่นไหลเยิ้มตามง่ามนิ้วมือ
เอเลนทำได้เพียงหอบหายใจแผ่ว
เหนื่อย...ทั้งที่ไม่ได้ขยับร่างกายเองแม้แต่น้อย ดวงตาช้อนมองคนตรงหน้า
นัยน์ตาสีเทาจางวูบไหวอย่างประหลาด
ขอร้อง...อย่า เสียงหวานพร่าเอ่ยห้ามราวกับครางละเมอ
ยามร่างถูกดันหงายลงไปซวนซบกับฟูกเตียง แผ่นหลังทายสนิทกับไปพื้นผ้าขาว
มือคู่เดียวกับที่สำเร็จความใคร่ให้เขาอย่างไม่่ยินยอมถอดปลดลากกางเกงผ้าไปตามเรียวขา
จับรั้งหัวเข่าให้สองขาแยกออกกว้าง
ท่อนล่าวเปล่าเปลือยโดยสมบูรณ์
มีคราบของเหลวเหนียวหนืดบางอย่างแต้มประปรายตามโคนขาและส่วนที่อ่อนไหว
ภาพตรงหน้าเบลอมัวจากหยดน้ำตา
จากร่างที่ส่ายหน้าปฏิเสธไปมาไม่หยุด ไม่...อย่าทำแบบนี้
ในห้วงสติที่ราวกับความฝัน
เอเลนได้ยินเสียงกรีดร้องของตนยามร่างกายถูกชำแรกแทรกเข้ามา
แก่นกายใหญ่โตแข็งขึงร้อนลวกเบื้องล่าง
ฉีกกฝ่าประตูที่ปิดสนิทเข้ามาโดยไร้การตระเตรียมล่วงหน้า
จนปริแตกซึมเลือด สีแดงฉานหลั่งรดผ้าปูสีขาวตัดกันราวกับประชดประชัน
ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาราวกับจะแยกร่างเป็นสองส่วน
เขากรีดร้องอย่างสิ้นสติทั้งน้ำตา แต่ไร้ผล...แรงกระแทะกระทั้นรุนแรงยิ่งทบทวี
นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เขามองเห็น
และเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครา ใบหน้าของลูกชายก็ลอยเด่นเคียงข้าง
ใบหน้าคมเข้มเย็นชา
ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสนิทตัดสั้น มีจุดเด่นเป็นนัยน์ตาสีเทาคมกริบราวเหล็กกล้า
เรียวปากหนาเผยออ้าเล็กน้อยจากการผ่อนลมหายใจ
ใต้แสงแดดอ่อนจางของอรุณรุ่ง ยิ่งเสริมให้เด็กคนนี้ดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรผู้เย็นชาสูงส่ง
แทบไม่น่าเชื่อว่านี่เหรอจะเป็นคนทำเรื่องน่าตกใจในห้องอาบน้ำเมื่อวาน
และยิ่งเป็นไปไม่ได้กับเรื่องประหลาดในฝันของเขา
เอเลนลุกขึ้นบิดตัว...
ร่างกายยังมีความอ่อนล้าปวดเมื่อย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเช่นเคย
คงมาชจากแขนที่โอบแน่นไม่ปล่อยของลูกชายที่โตแต่ตัวนี่แหละ
แต่พอขาวางลงบนพื้นห้อง
ความเจ็บแปลบจากสะโพกก็แล่นผ่านไขสันหลังขึ้นมาทันที เอเลนนิ่วหน้า
เม้มริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงร้องในลำคอ
เอเลน...เสียงพึมพำดังมาจากข้างหลัง
ดูท่าการขยับตัวของคงทำให้เด็กคนนี้ตื่น เป็นอะไร? และขธรที่กำลังจะบอกว่า'นอนต่อเถอะ'ก็ดันถามสวยขึ้นซะก่อน
ปวดเอวน่ะ สะโพกด้วย
สงสัยเมื่อวานจะเผลอเดินอะไรเข้าที่ทำงานนะ เอเลนตาม
พลางนวดคลึงบั้นเอวไปพลางไม่ทันสังเกตตาสีเทาของลูกชายที่แวววับวูบหนึ่ง
รีไวมองร่างที่ขยับหยุกหยิกของพ่อนิด ในใจครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...เขาย่องเข้าหาอีกฝ่ายตามปกติ
แต่ปฏิกิริยาเอเลนกลับแปลกไปจากเดิม
ไม่เหมือนคนมีสติเต็มร้อย
แต่ก็ไม่ใช่หลับจนไม่รู้เรื่อง ร่างเพรียวกรีดร้องอย่างสิ้นสติ น้ำตานองหน้า
หากตอบสนองทุกสัมผัสที่ฟอนเฟ้นรุกเร้า
ริมฝีปากบางเม้มแน่น
ยามแตะลงบนเนื้อนูนเม็ดเล็กสีอ่อนของแผ่นอกแบนราบ
และสั่นสะท้านรุนแรงยามโดนโลมเลียปลุกเร้า
ร่างเพรียวหอบรัวและครางกระเส้าแรง
นัยน์ตาสีเขียวปรือเยิ้มมีหยาดน้ำตาคลอ
ช่างกระตุ้นความอยากกระหายมากกว่าเดิมจนเผลอรุนแรงไป
ทีแรกนึกว่าตื่นมาเอเลนจะกลัวจนถอยหนีเขาซะอีก
นี่กลับดูจำอะไรไม่ได้เลย คิดว่าเป็นฝันซ้อนฝันเหรอ?
วันนี้ของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตลดราคา
ประกอบกับเขาเลิกงานเร็วพอดี เอเลนเลยตัดสินใจแวะซื้อของซะหน่อย
จากที่แต่เดิมมักไปซื้อที่ตลาดมากกว่า
เพราะมักจะได้ของแถมมาประจำจากพ่อค้าแม่ค้าในละแวกนั้น
ดวงตาสีเขียวไล่ไปตามรายการสินค้าในโบรชัวร์
มือวงปากกาเมจิคไว้ลวกๆ กับสิ่งที่จำเป็นก่อน "อืม...นมสด ไข่ไก่
แล้วก็กระดาษทิชชู่ เอ๋...."
กระทั่งรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมา...
ร่างสูงโปร่งหันซ้ายหันขวาอย่างงุนงง ก่อนจะปะทะกับดวงตาคู่หนึ่งที่มองมา...
นัยน์ตาสีเทาเรียวรีคมกริบราวกับเหล็กกล้า
คล้ายกับใครบางคนอย่างน่าประหลาด เอเลนกะพริบตาปริบๆ 2-3ที ใช่แล้ว...เหมือนกับรีไวเลย
เค้าโครงรูปหน้าก็ใช่
ไหนจะบรรยากาศมืดหม่นดำทะมึนนั่นอีก
เอเลนมองชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทที่ดูทะมึนไปทั้งตัวด้วยแววตาสงสัย
ผมสีดำตัดสั้น ตาสีเทาเรียวรี เหมือนรีไวมากกว่าเขาที่เป็นพ่อซะอีก
ถ้าไม่ติดว่ารีอาซังไม่มีญาติที่ไหน
เขาคงคิดว่าต้องเป็นเชื้อสายกันสักทางแน่ๆ
สงสัยทฤษฎีที่ว่าบนโลกนี้มีคนหน้าเหมือนกันสามคนคงจะจริง
รีไว3คน คิดแล้วตลกแฮะ...
เอเลนอมยิ้มอย่างนึกสนุกกับภาพแปลกๆ ในหัว ทำเอาลูกชายที่เรียกอยู่นานสองนานไม่หันอารมณ์บูดขึ้นมาทันที
น่าจะ..อายุมากกว่าเราอีกมั้งนั้น? เอเลนคิด และขณะที่กำลังอยู่ในภวังค์
เสียงเรียกอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลังซะก่อน
เอเลน!
และสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าอ่อนเยาว์เจนตาของลูกชายคนเดียว ชายหนุ่มยิ้ม หากยังไม่ทันเอ่ยทักทาย
สองแขนแกร่งก็โอบรัดเข้าไปสวมกอดแนบแน่น
จนรู้สึกว่ามันชักจะเริ่มเจ็บน่ะแหละ
เขาถึงได้เอ่ยประท้วง นี่...รีไว ปล่อยได้แล้ว แต่คำตอบที่สวยมาแบบจะทันทีคือ...
ไม่...ฉันจะกอดของฉันแบบนี้
ง่า แต่นี่มันกลางซุปเปอร์ฯ ผู้เป็นพ่อครวญ
ไม่รู้อารมณ์เสียหรือของขึ้น ปกติจะเป็นเฉพาะเวลามีคนมายุ่มย่ามกับเขาแท้ๆ
นี่ยังไม่มีใครทำอะไรเลยนะ
หงุดหงิด....หงุดหงิดชะมัด รีไวคิด
แต่ไม่เคยโกรธเคืองได้เลยกับใบหน้าซื่อๆ
ที่มีดวงตาสีเขียวใสมองมาด้วยสายตาลำบากใจแบบนั้น
แค่คิดว่ามีคนสนใจ....มีคนมองมาที่คนนี้ เขาก็แทบอยากปรี่ไปควักดวงตาคู่นั้นออกมาอยู่แล้ว
ยิ่งมีสายตาของคนคนนั้นมองตามกลับไปยิ่งขุ่นมัวในอารมณ์
หวง...รีไวหวงจนแทบบ้า
แต่พ่อ...เอเลนกลับไม่เคยรับรู้หรือต่อให้รู้ก็ไม่เข้าใจว่าเขารู้สึกยังไง
และก็เป็นตามที่คิด
มือเรียววางบนศีรษะของคนที่กอดแน่น ลูบเบาๆราวกับกล่อมเด็กน้อย
พร้อมพรอดกระซิบริมหู โอเคๆ พ่อไม่เหม่อแล้วครับ รีไวไม่โกรธนะ
ไม่ใช่...ช่างเถอะ คร้านจะอธิบาย
ยิ่งพอปล่อยมือแล้วเห็นตาใสๆมองมาแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวยิ่งอ่อนใจ ไปซื้อของเถอะ
ว่าแล้วจับจูงอีกฝ่ายตัดบท
ตาเหลือบมองร่างสูงกว่าที่เดินตามอย่างว่าง่าย
ราวกับสลับบทพ่อกับลูกกัน เอเลนเป็นแบบนี้เสมอยอมลงให้เขาเสมอ
เพราะรักมากและไม่เหลือใครอีกแล้ว
กลัวว่าจะเสียเขาไปเหมือนคนอื่นๆ
จนมองข้ามความผิดปกติหลายอย่างที่เขาทำไป
กลัวกับการตั้งข้อสงสัยที่จะทำให้เขาห่างออกไป
และจากเหตุการณ์เมื่อเร็วๆนี้ ในห้องน้ำนั้น
เอเลนหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสหรืออยู่ใกล้เขา
การลูบหัวเมื่อครู่เป็นครั้งแรกนับจากวันนั้น
แววตาที่มองมาสั่นไหวแฝงความกังวลใจ....เคลือบแคลงบ่อยครั้ง
แต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วเก็บความสงสัยนั้นต่อไป
เพื่อจะได้หลอกตัวเองต่อไปได้ว่าเขายังเป็นเช่นที่ตัวเองเข้าใจ
ลูกชายผู้เคร่งขรึมเกินวัยและมีมุมเด็กๆอย่างการติดสกินชิฟ
เหตุการณ์ในห้องอาบน้ำเมื่อวานทำเอาเอเลนคิดหนัก....
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรคือสาเหตุของการกระทำแบบนั้นของลูกชายคนเดียว
จะว่าขาดเรื่องพวกนี้ก็ไม่น่าใช่...
เท่าที่เคยไปร่วมการชมการเรียนการสอน ถึงจะเย็นชา
แต่วัดจากสายตาสาวๆที่แทบมองตามกันเหลียวหลังนั่น..
เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่รีไวจะไม่มีใคร อย่างน้อยๆ
ก็ต้องมีคนคบหาดูใจแหละ! ถึงเขาจะไม่เคยถามตรงๆ ก็เถอะน่ะนะ....
สมองคิดไปเรื่อยเปื่อย
ขณะที่มือก็พลิกจับฉลากของสิ่งที่ซื้อมาดู ก่อนวางลงในรถเข็นอย่างคล่องแคล่วตามความเคยชิน
นี่...เอเลน เหม่อเกินไปแล้ว
เสียงทุ้มของเด็กเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มดังประชิดริมหู เป็นเสียงที่คุ้นเคย
หากเจ้าของชื่อกลับผงะด้วยความหวาดผวา
ระ..รีไว ใบหน้าหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็พบร่างสันทัดของเด็กหนุ่มผมสีดำตัดสั้นยืนซ้อนหลังอยู่ด้วยระยะใกล้ชิดที่แทบไม่เหลือความห่าง
และพอหันมาประจันหน้าก็กลับกลายเป็นว่าเหมือนโดนขังในอ้อมแขนอีกฝ่ายไปโดยอัตโนมัติ
ตาสีเขียวมองซ้ายขวาอย่างตื่นตระหนก แล้วก็พบว่าบล็อคสินค้านี้
ร้างผู้คนโดยสิ้นเชิง อาจมีสวนไปมาบ้าง
แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาลึกเช่นเขา
ตอนนี้จึงแทบเรียกได้ว่าเขาอยู่กับรีไวแค่สองคนเท่านั้น
อ๊ะ! เอเลน! เสียงเรียกชื่ออันคุ้นหู
ส่งผลให้ร่างเพรียวสะดุ้งสุดกาย มือผลักร่างเตี้ยกว่าของลูกชายคนเดียวโดยแรง
ก่อนผลุนผลันกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีไป
จะลากคว้าจับรั้งไว้เด็กหนุ่มก็ทำได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ ดวงตาสีเทาจางมองตามร่างของบิดาที่เข็นรถไปหาเจ้าของเสียงด้วยแววตาราบเรียบยากจะคาดเดาอารมณ์ และสาวเท้าตามไปเงียบๆ แทน
เอเลนรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาไม่ป่าน ดวงตาที่จ้องมองมามีประกายจริงจังแปลกประหลาด ชวนให้ปวดมวนที่ท้องน้อยและปลุกความตื่นกลัวในใจ
หน้าอกข้างซ้ายที่มือยกมาทาบทับโดยไม่รู้ตัวเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก
ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขาอาจจะคิดว่ารีไว-น่ากลัว-อยู่บ้างก็จริง แต่เพียงแค่ความคิด เขาไม่เคยกลัวเด็กคนนั้นมาก่อน ในสายตาของพ่อที่เลี้ยงดูอุ้มชูมาด้วยสองมือตัวเอง รีไวยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่แค่เคร่งขรึม ชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเกินวัยเท่านั้นเอง
หากเมื่อกี้มันไม่ใช่...ใบหน้านิ่งเฉยและดวงตาที่มีแววจริงจังแฝงรอยอารมณ์บางอย่างทำให้เขาขนลุกซู่ ยิ่งจู่ๆ เลื่อนใบหน้ามาชิดใกล้จนลมหายใจร้อนผะผ่าวระรดข้างผิวแก้มยิ่งเร่งความตื่นตระหนก เลือดในกายเย็นเฉียบลงอย่างกะทันหัน
นาทีนั้น...เอเลนเห็นเป็นภาพช้าๆ ช้าๆ ที่มือเรียวยาวคู่นั้นเอื้อมมาหา สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวคือความหวาดกลัวสุดใจ
กลัว...เขากลัวคนตรงหน้า
ราวกับไม่ใช่รีไว...ไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของตัวเอง
จะลากคว้าจับรั้งไว้เด็กหนุ่มก็ทำได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ ดวงตาสีเทาจางมองตามร่างของบิดาที่เข็นรถไปหาเจ้าของเสียงด้วยแววตาราบเรียบยากจะคาดเดาอารมณ์ และสาวเท้าตามไปเงียบๆ แทน
เอเลนรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาไม่ป่าน ดวงตาที่จ้องมองมามีประกายจริงจังแปลกประหลาด ชวนให้ปวดมวนที่ท้องน้อยและปลุกความตื่นกลัวในใจ
หน้าอกข้างซ้ายที่มือยกมาทาบทับโดยไม่รู้ตัวเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก
ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขาอาจจะคิดว่ารีไว-น่ากลัว-อยู่บ้างก็จริง แต่เพียงแค่ความคิด เขาไม่เคยกลัวเด็กคนนั้นมาก่อน ในสายตาของพ่อที่เลี้ยงดูอุ้มชูมาด้วยสองมือตัวเอง รีไวยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่แค่เคร่งขรึม ชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเกินวัยเท่านั้นเอง
หากเมื่อกี้มันไม่ใช่...ใบหน้านิ่งเฉยและดวงตาที่มีแววจริงจังแฝงรอยอารมณ์บางอย่างทำให้เขาขนลุกซู่ ยิ่งจู่ๆ เลื่อนใบหน้ามาชิดใกล้จนลมหายใจร้อนผะผ่าวระรดข้างผิวแก้มยิ่งเร่งความตื่นตระหนก เลือดในกายเย็นเฉียบลงอย่างกะทันหัน
นาทีนั้น...เอเลนเห็นเป็นภาพช้าๆ ช้าๆ ที่มือเรียวยาวคู่นั้นเอื้อมมาหา สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวคือความหวาดกลัวสุดใจ
กลัว...เขากลัวคนตรงหน้า
ราวกับไม่ใช่รีไว...ไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของตัวเอง
หน้านายดูซีดๆ นะเอเลน
ร่างสูงโปร่งเกินมาตรฐานไปหลายสิบเซนติเมตรโพล่งถามขึ้นระหว่างบทสนทนาของเพื่อนสนิทสมัยเด็กตัวเองกับคนตรงหน้า
มือสีแทนอ่อนกำสิ่งที่ยึดจับอยู่แน่นจนขึ้นข้อขาวและพอทักก็เริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด
ปลายนิ้วเรียวพยายาทแบออก คลายความเกร็ง หากสักพักก็กลับไปจิกแน่นเช่นเดิม
เบลทรูทสะกิดใจกับปฏิกิริยาของหนึ่งในเพื่อมร่วมงานจนไม่อาจวางใจ หางเบือนไปสบกับดวงตาสีฟ้าของร่างหนาที่สนทนากับอีกฝ่ายแทน
ปลายนิ้วเรียวพยายาทแบออก คลายความเกร็ง หากสักพักก็กลับไปจิกแน่นเช่นเดิม
เบลทรูทสะกิดใจกับปฏิกิริยาของหนึ่งในเพื่อมร่วมงานจนไม่อาจวางใจ หางเบือนไปสบกับดวงตาสีฟ้าของร่างหนาที่สนทนากับอีกฝ่ายแทน
TBC.