Until...now.
Fandom : Kuroko no Basket
Rate : PG-15 > NC
Pairing:
Akashi Seijurou x Kuroko
Tetsuya(C) , Himuro Tatsuya x Kagami Taiga(C)
Genre : AU, Drama , NTR(เล็กน้อย?)
Note :
เรื่องนี้เป็นกึ่งๆ แนว NTR มีการสลับคู่
และน้องครก. ร้ายอยู่พอสมควรมีการพูดถึงความสัมพันธ์ทางกายในเชิงชู้สาวแนวคู่นอน
ใครไม่ชอบแนวนี้ก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
และที่สำคัญเป็นแนวฟิคสดที่มีการวางโคร่งไว้เพียงคร่าวๆ
คิดอะไรหรืออย่างแต่งอะไรจะเป็นตามใจฉันคนแต่งนะคะ
ฮา
Author by Lina(ChaCHa)
Story by kyokikuma
Night
-01-
ใต้แสงไฟสลัวสีส้มจางของห้องขนาดเล็ก
เส้นผมสีดำกลายเป็นสีแดงเข้ม
คุโรโกะ
เท็ตสึยะที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าชายหนุ่มขณะที่ผมเช็ดเส้นผมเปียกชื้นจากหยาดฝน
สติและสำนึกผิดชอบดูเลือนรางเสียเหลือเกินจากความเศร้าเร้นลึกที่ค่อยๆ
ผุดพรายขึ้นมา
รู้ตัวอีกที.... เด็กสาวก็แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย
ก่อนจะเลื่อนแตะจูบเบาลงที่ขมับ
ลมหายใจอุ่นระรดใบหน้า ปลายจมูกเขี่ยโดนกันเล็กน้อย
ก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นคนประคองศีรษะเล็กของคนเปิดฉากแล้วบดขยี้ลงบนริมฝีปากบางสีซีดจาง
แอลกอฮอล์แล่นพล่านในกระแสเลือดดับสติให้ขาดหาย
และสมองไร้การสั่งการณ์
เขากอดคนตรงหน้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ใช่.....
และคนตรงหน้าเองก็เหมือนกัน
ปรารถนาการโอบกอดจากคนที่รู้ดีว่ากำลังรู้สึกไม่ต่างกัน
……….
…...
เด็กสาวนอนหลับไม่สนิทนัก....
ร่างกายปวดเมื่อยและล้าไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะตั้งแต่สะโพกลงไป
ขาเรียวแทบไม่อยากขยับ ความคิดที่จะลุกจากที่นอนน่ะเหรอ?
ลืมไปได้เลย...
แต่คุโรโกะพบว่าหมอนข้างที่นอนกอดอยู่ทุกวันกำลังส่งเสียงแปลกๆ
ซ้ำยังแข็งกว่าปกติอีกด้วย
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนกะพริบปรือขึ้นอย่างช้าๆ
ม่านประสาทตารับรู้ได้ถึงแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านฟิล์มกระจกหน้าต่างที่ปิดไม่หมด
และด้วยสัญชาตญาณ...
เธอยกมือขึ้นหวังบังเเสงนั้น หากไม่อาจยกขึ้นมาได้ดังใจ
เพราะมีท่อนแขนยาวของใครสักคนพาดช่วงเอวไว้
และเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่า
ร่างกายของตัวเองกึ่งเปลือย...เสื้อผ้าไม่อยู่กับร่องกับรอย
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตื่นขึ้นมาแล้วเป็นแบบนี้.... บางครั้งไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นด้วยซ้ำ
แถมยังกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้เพราะอ้อมกอดที่รัดแน่นราวกับจะพันธนาการไว้กับตัวเองของใครคนนั้น
แต่นี่ไม่ใช่....
ความอบอุ่นที่เจือไปด้วยความเศร้าสร้อยโอบล้อมอยู่นี่ไม่ใช่ของ...อาคาชิคุง
แสงสีเงินสว่างสะท้อนเข้าที่ดวงตา....
มันเป็นสร้อยเงินที่มีแหวนรูปร่างคุ้นตาแบบเดียวกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
แต่ก็ไม่ใช่อีก....
คางามิซังมีหน้าอก....
มือบางทาบลงไปกับแผ่นอกแบนราบแน่นตึง
ก่อนจะครางออกมาด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ใบหน้าอ่อนหวานซีดขาวด้วยความตกตะลึง
"ฮิ...มุโระ...ซัง"
.........
....
ถ้าจะนึกย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ
ของเธอคงจะพูดได้ว่า มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว....
เธอมีความสัมพันธ์ทางกายกับอาคาชิคุงมาห้าปีแล้ว
ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น....
เรียกว่าเซ็กส์เฟรนด์ยังไม่ได้เลย
พวกเราไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ
คุโรโกะไม่แน่ใจนักว่าตอนนั่นคิดหรือมีอะไรดลใจให้ตัวเองเลือกที่จะยินยอมทำเช่นนั้น
ทั้งที่ตอนแรกเธอเข้าชมรมบาสของเทย์โควด้วยหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมแท้ๆ
แรกเลยเริ่มที่จูบ.....หลังจากการซ้อมในห้องเก็บของของคืนวันหนึ่ง
และมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ค่อยๆ
เคลื่อนผ่านไปในแต่ละวัน
มันลึกซึ้งขึ้น ดูดดื่มขึ้น และเร่าร้อนมากขึ้น
ทั้งยังต้องหลบๆซ่อนๆ ไม่ให้ใครรู้....
.แต่....นั่นคงไม่ใช่สำหรับอาคาชิคุง
เพราะบางครั้ง...ไม่สิ หลายครั้งคนคนนั้นจงใจ 'ทำ' ในที่ที่อาจจะมีคนผ่านมาเห็น
คิดยังไงก็ไม่เข้าท่า เปลืองเนื้อเปลืองตัว
มีแต่เสียและไม่ได้อะไรสักอย่าง
แต่พอได้จ้องมองใบหน้านั้น
ได้สบสายตากับดวงตาสีแดงเพลิงที่อ่อนโยนลง และได้รับรอยยิ้มบางๆ
ที่ไม่เคยเห็นคนคนนี้มอบให้ใคร
คุโรโกะก็รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองหลอมละลายอย่างช้าๆ
ปลายนิ้วที่สัมผัสลงมา เรียวปากที่แตะต้องไปทั่วผิวกาย
ชั่วขณะหนึ่งนั่นราวกับว่า....เธอได้เป็นเจ้าของและครอบครองคนตรงหน้าไว้เพียงคนเดียว
จักรพรรดิที่ไม่มีใครเอื้อมถึงคนนั้น
..........
....
ดวงตาสองคู่ต่างสีสบประสานกันครู่หนี่ง
ในพริบตาหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและพร่าเลือน
กระทั่งฝ่ายเจ้าของห้องเป็นผู้ขยับก่อน
มือบางคว้าผืนผ้าห่มที่คลุมกายเพียงหมิ่นเหม่มาห่อร่างไว้
และจัดการเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยให้เข้าที่เข้าทาง
ความเงียบราวหลุมอากาศคลี่คลุมบุคคลทั้งสอง
มีเพียงเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าเวลาขยับตัวเท่านั้นเอง
"ผม....จำอะไร....ไม่ได้เลย"
ในความทรงจำอันเลือนรางและไม่ปะติดปะต่อ ฮิมุโระ
ทัตสึยะจำได้เเค่ว่าเด็กสาวตรงหน้านั่นยืนมองไทกะของเขากับผู้ชายคนนั้นในฝั่งตรงข้ามกันเท่านั้นเอง
ดวงตาสีฟ้าอ่อนนิ่งเฉยราวกับจะไร้อารมณ์
หากมองอย่างผิวเผินนั่น เขากลับสัมผัสได้ถึงสายใยบางอย่างที่บางเบาดุจเส้นด้าย
ความเศร้า....ที่ถูกกลบงำเร้นลึกภายใน
ว่ากันว่าคนที่เหมือนกันจะดึงดูดกัน
ในสถานการณ์นี้ก็คงไม่ต่างกัน
เพราะในเวลาต่อมา....
เขาก็ได้พบกับร่างเล็กบอบบางที่ไม่น่ามาอยู่ในสแน็คบาร์ยามค่ำคืนซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้ชายที่กำลังมึนเมาได้ที่
อันตราย....จนไม่อาจมองผ่านเลยไม่สนใจไปได้
ประกอบกับสายตาทุกคู่ในร้านที่จ้องมองริมฝีปากบางๆ นั่น
ขณะยกแก้วขึ้นจิบด้วยสายตาเลื่อนลอย
ฮิมุโระยิ่งรู้สึกว่า .... ตัวเองต้องทำอะไรสักอย่าง
รอยยิ้มงดงามบนใบหน้าหล่อเหลาคมสวยถูกแจกจ่ายให้สายตาทุกคู่ที่มองเธอคนนั้น
เป็นรอยยิ้มสวยงามที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นไออันตรายจนทำให้ผู้ได้รับถอนสายตาไปทีละคนอย่างง่ายดาย
มือเรียวยาวเลือกที่จะวางลงบนลาดไหล่เล็กนั่นให้รู้สึกตัว
ก่อนที่จะส่งรอยยิ้มบางๆ ให้
"ฮิมุโระซัง...."
ดีที่เจ้าตัวยังพอมีสติรับรู้ได้ว่าคนที่เดินเข้ามาหาเป็นใคร?
เสียงอ่อนหวาน....นุ่มนวล
แต่เย็นราวกับวานิลลาเชคนั่นยังเรียกชื่อคนทักทายได้อย่างถูกต้อง
แล้วจากนั้น....เขาก็จำได้ว่าเราสองคนต่างพูดคุยกันเล็กน้อยระหว่างการดื่ม
ไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัวอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่กันตามลำพังด้วยซ้ำ
หากเรื่องราวที่หลั่งไหลผ่านบทสนทนากลับคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ
รู้ตัวอีกที สรรพเสียงรอบข้างก็หายไป
จวบจนบริกรมาที่โต๊ะกล่าวด้วยท่าทางกระอั่กกระอ่วนว่าถึงเวลาปิดร้านแล้วนั่นแหละ
เราสองคนถึงได้รู้ตัวว่าเวลาที่เคยคิดว่าเชื่องช้าอย่างน่าปวดใจ
กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว....
"ให้ผมไปส่งนะครับ
ผู้หญิงเดินกลับคนเดียวตอนนี้ไม่ปลอดภัย"
ดวงตาสีฟ้าอ่อนกะพริบปริบจนเห็นได้ถึงแพขนตาสีอ่อนจางๆ
บนผิวแก้ม ไม่รู้ทำไม...จู่ๆ เขาถึงได้รู้สึกว่าคนตรงหน้า...ดูน่าเอ็นดูขึ้นมาได้
ราวกับกระต่ายขาวที่มีใบหน้าเฉยชา
แต่กลับมีดวงตาสีฟ้าใสชวนให้สะดุดใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ
ห้องของฉันอยู่ถัดไปอีกสองบล็อกเอง คงไม่ขอรบกวนฮิมุโระซังมากไปกว่า....นี้"
เสียงเอ่ยราบเรียบโมโนโทนจังหวะเดียวราวกับเย็นชา
ผิดกับถ้อยคำสุภาพนุ่มนวล แต่ยังไม่ทันให้ชายหนุ่มขันอาสาอีกรอบ
สายฝนก็พร่างพรมลงมาราวกับประชดประชัน
เนิ่นนานทีเดียว....ที่เราสองคนยืนด้วยกันภายใต้ชายคาของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
สาเกร้อนถูกจิบเรียกความอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายที่หนาวเหน็บ กระป๋องแล้วกระป๋องเล่า
แต่เดิมก็ค่อนข้างกรึ่มๆ ได้ทีกันทั้งคู่
มาถึงจุดนี้...สติสัมปชัญญะต่างๆ ได้ถูกเจือจางด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปซะสิ้น
"ถ้ายังไงอีกสักพัก...
ถ้าฝนยังไม่หยุดตก ฉันว่าเราฝ่าฝนไปที่ห้องฉันก่อน ดีกว่ามายืนขาแข็งตรงนี้นะคะ"
คุโรโกะ เท็ตสึยะเสนอ
หากเป็นปกติแล้วเด็กสาวคงไม่ทำ เพราะรู้ดีว่า 'คนคนนั้น' อาจจะโผล่มาเยี่ยมเยือนเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ยามนี้.... คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลีกตัวมา ไม่สิ...
ต้องบอกว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาจะถูกต้องกว่า และตัวฮิมุโระเองก็คงปฏิเสธ
เนื่องจากคำนึงถึงความไม่เหมาะสมที่ชายหนุ่มจะขึ้นไปพักพิงถึงห้องเด็กสาวยามวิกาลเช่นนี้
แต่นี่....เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ
"ถ้าคุณว่าอย่างนั้นก็คงต้องขอรบกวนครับ"
ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน
"ผม....จำอะไร....ไม่ได้เลย"
สิ้นคำพูดจะเอ่ย ฝ่ายเด็กสาวถอดถอนหายใจ
แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าเช่นกัน ก่อนจะพูดในส่วนของตัวเอง
"ฉันก็จำอะไรไม่ได้เหมือนกันค่ะ"
ใบหน้าหวานซีดขาว เสียงที่เอ่ยก็ค่อนข้างแหบพร่า
ไอฝนเมื่อคืนคงเล่นงานเธอ ตอนนี้เนื้อตัวร้อนผะผ่าว และศีรษะเหมือนถูกโยกคลอน
มึนงงและวิงเวียนเกินกว่าจะเอ่ยคำยืดยาว
และประโยคต่อมาของคนจริงจังก็ยิ่งทำให้ปวดหัวหนัก
"ผมจะรับผิดชอบ"
คุโรโกะส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิด
"ไม่ต้องหรอกค่ะ มันคง....ไม่มีอะไร"
แม้ร่องรอยและสภาพการณ์จะค่อนข้างชี้ชัดว่าเกิดอะไรเมื่อคืน
แต่คุโรโกะ เท็ตสึยะก็ไม่อยากเอาเปรียบคนดีๆ แบบฮิมุโระซัง เพราะต่อให้ 'มีอะไร' กันจริงๆ
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ....
"ช่างมันเถอะค่ะ...
คุณเองก็มีเรื่องที่ต้องไปทำต่อนี่คะ"
ตัดบทเพียงเท่านั้นแล้ว ก็เดินไปห้องน้ำหน้าตาเฉย
ทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนในห้องจมดิ่งลงไปในความรู้สึกอันหลากหลาย
หากก็ได้แต่ตัดใจ.....
ถ้าให้เลือก.... สำหรับเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 'ไทกะ' ก็สำคัญที่สุดอยู่ดี
คว้าเก็บเสื้อผ้าที่วางระเกะระกะไปทั่วมาสวมใส่
เสียงของน้ำจากห้องที่เดินผ่านแว่วเข้ามา อยากจะเอ่ยคำลาและขอโทษสักคำ
แต่เด็กคนนั้นคงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยด้วยสายตาเย็นชาอยู่ดี
จึงได้แต่เดินจากมา....และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นไว้เบื้องหลังเสียงของบานประตูที่ปิดลง
………………………
……
คุโรโกะได้ยินเสียงงับของบานประตูที่ปิดลงไปสักพักก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
ดวงตาสีฟ้าอ่อนปรือปิดลง เงยใบหน้ารับสายน้ำที่พร่างพรมจากฝักบัวเบื้องบนลงมา
เส้นผมเปียกปอนแนบลู่ไปกับผิวแก้ม
หยดน้ำไหลร่วงไปตามแนวโครงเว้าของเรือนร่างจรดปลายเท้า เด็กสาวยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นราวกับปรารถนาให้สายน้ำชะล้างตะกอนที่ขุ่นข้นที่ทิ้งตัวอยู่ภายในจิตใจให้จางหายไป
ครู่ใหญ่...เธอถึงได้เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ
โดยไม่ลืมเช็ดเนื้อเช็ดตัวในโซนแห้งของห้อง
เสร็จแล้วคว้าเสื้อนอนตัวยาวหลวมพรวกที่กองๆ ไว้มาสวมแก้ขัดไปก่อน
ไม่ใส่ใจจะใส่ชั้นในหรืออะไรข้างใต้ เพราะยังไงคงไม่ต้องต้อนรับใครในเร็วๆ นี้
มือเรียวบางขยี้เส้นผมค่อนข้างสั้นของตนให้หมาดชื้นจนไม่มีหยดน้ำร่วงรินมาให้รำคาญใจ
แล้วจึงเดินไปที่เตียงนอน ด้วยเป็นห้องขนาดเล็กแบบ 1DK
พื้นที่ใช้สอยจึงไม่ได้มีมากมายอะไร
สายลมอ่อนๆ และแดดจางๆ
ยามสายพัดโชยมาจากบานหน้าต่างที่เธอเดินมาเปิด เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด
ผ้าม่านผืนยาวสีขาวโปร่งทิ้งตัวระเรี่ยกับพื้นห้อง
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนกวาดสายตามองพื้นที่รอบตัวด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
ทั้งที่ควรรู้สึกผิด... หรือไม่ก็เศร้าสร้อยเจ็บปวดกว่านี้แท้ๆ
แต่คุโรโกะกลับรู้จักตัวเองดีเกินกว่าที่จะเป็นเช่นนั้น
หรือถ้าจะให้พูดก็รู้ตัวเองดีว่าเพราะอะไร
เพราะ....ได้ระบายอารมณ์ไปแล้วล่ะนะ
เธอคิด... ขณะที่มือยังคงค้างบนศีรษะที่เริ่มแห้งหมาดแล้ว
พอๆ กับผ้าขนหนูผืนบางที่ชื้นเปียก
และระหว่างที่ลังเลกับการลงไปนอนแผ่กับเตียงนอนที่ยับย่นหรือลุกขึ้นมาเก็บกวาดข้าวของที่เกลื่อนกลาดไปทั่วห้อง
อย่างซากอะไรบางอย่างที่เห็นปลายสายตานั่น...
จะเรียกได้ว่ามีสติหรือความเคยชินดีล่ะ?
ที่คนคนนั้นไม่ลืมที่จะป้องกัน
เพราะจากวิธีสัมผัสและการแตะต้องของฮิมุโระซัง อีกฝ่ายเจนจัดและนุ่มนวล
รู้ดีเกินกว่าจะเป็นพวก 'พี่ชายแสนดี' แบบที่เคยได้ยินจากคำบอกเล่าของคางามิซัง
หากเสียงออดที่หน้าประตูฉุดเธอขึ้นจากภวังค์ซะก่อน
หรือว่า..ฮิมุโระซังจะลืมของกันนะ?
คุโรโกะคิดในใจ
พลางเดินไปเปิดประตูโดยละเลยที่จะส่องตาแมวเช่นทุกที
และนั่นคือความผิดพลาดอย่างแรกในวันนี้ของเธอ
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายคุ้นตาที่ประดับด้วยดวงตาสีแดงเพลิงและเส้นผมสีแดงเข้ม
ระบายด้วยรอยยิ้มเยียบเย็นยืนอยู่ตรงหน้าอย่างที่คาดไม่ถึง
"เลิกกันแค่วันเดียว....
เธอหาคนใหม่มา 'กอด' ปลอบใจได้เร็วดีนี่เท็ตสึยะ"
อารามตกใจ....
อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืนหรือทันได้ทำอะไรทั้งนั้น
ร่างสูงโปร่งเบียดกายเข้ามาในห้อง และฉวยคว้าข้อมือเธอไว้อย่างแน่นหนา
กำกอบจนขึ้นข้อขาว
เธอเจ็บ.... แต่ไม่เกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำท้วง
เสียงกริ๊กลงกลอนประตูที่ถูกล็อตจากด้านในแว่วมาให้ได้ยิน
จริงอยู่ที่อาคาชิคุงต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน...
รู้ว่าเธอพา 'ใครสักคน' มาค้าง
แต่ที่คาดไม่ถึงคือการที่ปราดมาแต่รุ่งแบบนี้!!
ดวงตาสีแดงไล่มองไปทั่วบริเวณห้องเล็กๆ
สิ่งของที่เคยเห็นดูอยู่ผิดที่ผิดทาง และที่สำคัญ...
เศษซากใช้แล้วของอะไรบางอย่างที่เห็นที่บนพื้นไม้นั่น
ชัด...ยิ่งกว่าชัดว่าไม่ผิดจากที่คิดสักนิด
"ดูท่า.... เธอจะสนุกมากเลยนะ
เท็ตสึยะ"
เสียงทุ้มต่ำเยียบเย็นเอ่ยด้วยกระแสเสียงราวกับจะคำรามอยู่ข้างหู
จากเดิมที่คว้าแค่ข้อมือ คราวนี้เจ้าตัวรวบกอดไว้จากด้านหลัง
รัดช่วงเอวแน่นจนสะโพกปวดร้าว
เรียวปากแตะอังลงมาบนจุดชีพจรข้างลำคอ
"อุ่นนะ..."
พูดคำว่า 'อุ่น' แต่เสียงคนเอ่ยไม่ได้อุ่นตามเลย
Next to Night -02- .