วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

งาน KnB Only Event 2nd






บูธ : 5-C Lina&Hitorijanai

:: ลงชื่อจอง ::

Sixth Brother by Hitorijanai
รายละเอียดเนื้อเรื่อง : สามารถอ่านบทนำและตอนอื่นๆได้ที่ 


:: ลงชื่อจอง ::

Until...now by Lin_ChaCHa
รายละเอียดเนื้อเรื่อง : สามารถอ่านบทนำและตอนอื่นๆได้ที่ 

the Phantom Death by Lin_ChaCHa
รายละเอียดเนื้อเรื่อง : สามารถอ่านบทนำและตอนอื่นๆได้ที่ 

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

-KnB Drabble- Deep Sea [Fin?]

深海
- Deep Sea -

by Lin_ChaCHa

: Pairing :

Akashi Seijurou x Kuroko Tetsuya





:: Deep Sea ::



เฉดสีที่ลึกล้ำที่สุดในทะเลอันแสนมืดมิด

ท่ามกลางอนธการอันไร้ที่สิ้นสุด
ร่างกายจอมจ่มลงไปในท้องน้ำอันลึกล้ำ

แสงสว่างพร่าพรายคอยๆ มืดลงทีละน้อย ราวกับตะเกียงที่ถูกดับด้วยมือที่มองไม่เห็น

โลกทั้งใบ......หลงเหลือเพียงรัตติกาล
เวลาไหลผ่านไป...ยาวนานคล้ายกับว่าจะเป็นนิจนิรันดร์

ภายในอก โพรงปากและจมูกรู้สึกได้ถึงน้ำที่ทะลั่กเข้ามาจนแสบร้อน อากาศที่กักเก็บไว้จวนเจียนจะหมดลงทุกขณะ

ในนาทีที่คิดว่าจะตายลงตรงนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร สัมผัสบางเบาที่แตะต้องลงมาบนริมฝีปาก
ปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาพร้อมมวลอากาศ กระตุ้นให้ต้องตอบรับและกอบโกยด้วยสัญชาตญาณ

แขนคว้า 'ร่าง' ที่มาช่วยเหลือแนบแน่น ราวกับรับรู้ได้ถึงความคุ้นเคยและความอบอุ่น

เปลือกตาเปิดลืมขึ้นอย่างช้าๆ

....สิ่งแรกที่ได้เห็นคือ...สีฟ้า....
สีฟ้าของท้องทะเลและท้องฟ้าของใครคนนั้น



"เธอน่ะ.... จะฆ่าผมด้วยมือตัวเองอย่างนั้นเหรอ?"

"...เท็ตสึยะ"




[Fin?]



วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[OS] 盗墓笔记 - Spell - [ABO Dynamics]

盗墓笔记  - Spell -  [ABO Dynamics] 

: Fandom :
Daomu Biji (盜墓筆記)

: Genre :
AU , ABO Dynamics [Alpha/Beta/Omega Dynamics]

: Rate :
R

: Pairing :
51
吴老狗 x  张启山
อู๋เหลาโก่ว x จางฉี่ซาน



: Note :

เป็นลักษณะวงจรความสัมพันธ์ของพวกหมาป่าที่จะมีจ่าฝูง ตัวเมีย ลูกฝูง อยู่ในกลุ่มสังคมค่ะ ในไทยไม่ค่อยนิยมงานแนวนี้เท่าไหร่ แฟนฟิคชั่นภาษาต่างประเทศจะมีเยอะกว่า


**แนวเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความนิยมเฉพาะกลุ่มนะคะ**


*ก็อปคำอธิบายมาจากสหายหมีอย่างหน้าด้านค่ะ ฮา*


เพื่อความต่อเนื่องและได้อรรถรส ย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ XD

>>Sense<<






เหตุผลที่อู๋เหลาโก่วเลือกใช้วิธีการที่ออกจะขี้โกงและร้ายกาจไปสักหน่อย ในการจู่โจมอีกฝ่ายในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด นั่นก็เพราะว่าช่วงที่อาการ 'ฮีท' กำเริบ สติสัมปชัญญะจะค่อยๆ เลือนหาย แทนที่ด้วยความต้องการตามสัญชาตญาณสืบพันธู์

สำหรับคนที่ควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติแบบพ่อพระใหญ่จางแล้ว การที่ตัวเองขาดสติจนคล้อยตามความต้องการของร่างกายเป็นอะไรที่พังทลายศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างที่สุด

เดิมทีเขาคิดว่าคนคนนี้คงไม่เคยมีใครหาญกล้ำกรายหรือสามารถสร้างตราประทับเหนือร่างกายได้

หากผิดไปถนัดใจ...
ยามที่ดวงตาคู่นี้เห็นสัญลักษณ์ที่แม้จะเลือนรางและอ่อนจางด้วยวันเวลาที่ล่วงเลย ความรู้สึกหลายอย่างก็พลุ่งพล่านปะดังปะเดในใจอย่างเงียบงัน

ภายใต้ใบหน้าคลี่ยิ้มและน้ำเสียงรื่นเริง ราชาสุนัขรู้สึกริษยาและเสียดายไปพร้อมกัน

ริษยา.... คนแรกที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของและตีตราลงบนผิวกายคนคนนี้
และเสียดายที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ฝังคมเขี้ยวลงประทับตราตั้งแต่แรกเริ่ม

"ท่านจางตอนเด็ก.... ต้องสวยมากแน่ๆ"

นัยน์ตาเรียวยาวคมดุสีดำสนิท เช่นเดียวกับเส้นผมสีดำขลับสีเข้มราวกับขนนกกา โดดเด่นบนผิวขาวจัดเฉกเข่นคนทางเหนือ คาดว่าเพราะยามเยาว์วัยเจ้าตัวมักอาศัยในที่อากาศหนาวเหน็บ จึงได้ติดนิสัยสวมใส่อาภรณ์มิดชิดจรดไปถึงฝ่ามือเช่นนี้

รอยยิ้มบางแย้มขึ้นบนใบหน้าหมดจดสดใสดูไร้พิษสง ราวกับเขียนทุกความรู้สึกไว้บนนั้น

หากใครเลยจะล่วงรู้ ผู้ที่อ่านง่ายที่สุดหาใช่ผู้ใสซื่อไร้เดียงสา แต่เป็นผู้ที่เก็บงำซ่อนเร้นตัวตนได้ดียิ่งกว่าผู้ใดตั้งหาก

เปิดเผย แต่ไม่บอกเล่าทุกสิ่ง ให้เห็นแค่เฉพาะสิ่งที่ปรารถนาจะมอง

ฉะนั้นยามที่ได้เห็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีและสะกดกลั้นความปรารถนาตนเองได้กำลัง หอบหายใจอยู่ตรงหน้า เขาย่อมรู้สึกรื่นรมย์กว่าปกติ

เจ้าของห้องหอบหายใจหนักด้วยความเสียวซ่านที่แล่นระริกไปทั่วร่างกาย ทุกรูขุมขนคล้ายกับจะกรีดร้องออกมา เมื่อเลือดที่เดือดจัดในกายร้อนเร่าและอยากระบายความอัดอั้นที่สุมอยู่ภายในออกมา

เสียงครางเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกจากริมฝีปากบางที่เพียรพยายามกักเก็บเสียงของตนไว้ในลำคอ

มือหยาบกร้านจากการกรำงานหนักด้วยวิชาชีพเลื่อนไล้ลงใต้ร่มผ้า สัมผัสผิวเนื้อร้อนผะผ่าว พลางโน้มลงคลอเคลีย ลมหายใจระรดอ้อยอิ่งตรงริมหู

"ท่านจาง..."
เสียงทุ้มนุ่มฟังดูเชื่องช้าและเนิบนาบกว่าความเป็นจริง ร่างกายที่อ่อนระทวยด้วยสัญชาตญาณเกร๊งจนสั่น ความทรงจำที่คละคลุ้งจากตะกอนเก่าไม่มีเรื่องดีสักอย่าง สติพร่ามัวเหือดหายไปพร้อมกับอาการสั่นสะท้านที่ควบคุมตัวเองไม่ได้รุนแรงขึ้น

ราวกับโชคชะตากลั่นแกล้ง ตัวเขาที่แสนรังเกียจและต่อต้านจนเลือกที่จะหนีจากอัลฟ่าเดิมมา สุดท้ายก็วนกลับมาซ้ำรอยเดิมอย่างไม่อาจหนีได้อีก

กลิ่นเฉพาะตัวของโอเมก้ายามนี้อบอวลและฟุ้งกระจายไปทั่ว กระตุ้นเร้าจนเขาที่พยายามแตะต้องอีกฝ่ายอย่างใจเย็นเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้บ้างแล้ว มือที่โลมไล้ไปทั่วร่าง จึงค่อยๆ เลื่อนลงต่ำบนสะโพกเพรียวและกดย้ำลงไปในด้านล่าง นิ้วที่นวดเคล้นลงไปทีละหนึ่ง สอง และสามตามลำดับสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดายด้วยหยาดหยดของสารหล่อลื่นที่หลั่งรินออกมาจากร่างกายในภาวะนี้

คนในอ้อมแขนสะดุ้งเฮือก ลมหายใจถี่กระขั้นขึ้นในจังหวะที่ปลายนิ้วสัมผัสถูกจุดอ่อนไหวข้างใน เขาได้ยินเสียงฟันขบกันกรอดๆ อย่างอดทนอดกลั้น

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง และจงใจเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงครางต่ำที่ฟังดูแแว่วแผ่วจากที่ไกลๆ ดังขึ้น  กระแสอารมณ์และความปรารถนาที่เต้นระริกทำให้คนที่เข้มแข็งเสมอมาพังทลายจนแสดงความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน

ดวงตาสีดำสนิทราวกับหยดหมึกเคลือบคลอไปด้วยความรู้สึกต้องการและวอนขอ พร้อมกับริมฝีปากที่เผลออ้าออกจากการหอบหายใจ เป็นการยั่วยวนตามธรรมชาติ แขนกระชับร่างในอ้อมกอด โอบให้ชิดใกล้จนปลายทางด้านล้างเสียดสีกับของเขา

ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับประคองร่างอีกฝ่ายแล้วแทรกกายเข้าไปอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกของการได้ครอบครองเป็นเจ้าของคนคนนี้
แรงกระทั้นเป็นจังหวะซึ่งกำลังขยับโยกเข้ามาในร่าง ทำให้หัวสมองของจางฉี่ซานขาวโพลนไปชั่วขณะ แล้วค่อยๆ จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ในความมืดมิดที่กำลังจะได้สัมผัสแสงสว่างปลายอุโมงค์ ที่เขานึกว่าตนเองจมหายไปกับมันแล้ว กลับยังมีส่วนที่ลึกลงไปกว่านั้น
ความสุขสมของร่างกายที่ถูกตอบสนองตามความเรียกร้องของสัญชาตญาณได้ถูกเติมเต็มจนล้นปรี่ สตินึกคิดทั้งหมดจางหายราวกับไม่เคยมีมาก่อน จู่ๆ มือที่กำลังตะเกียกตะกายเพื่อกลับไปสู่แสงสว่างคล้ายกับจะอ่อนแรงลง
เขา....ทิ้งตัวลงสู่ความมืดมิดที่อ้าแขนรอรับอยู่
มือผลักร่างของคนที่อยู่ด้านบนโดยแรงจนหงายหลัง ส่วนที่เชื่อมต่อกันยังคั่งค้างอยู่ แม้จะเปลี่ยนตำแหน่งจากล่างสู่บน
ชายหนุ่มเบิกตาค้างด้วยความตกตะลึง ก่อนจะหัวใจแทบหยุดเต้นลงจริงๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นนุ่มอุ่นที่บดเบียดลงมา สองมือประคองใบหน้าของเขาไว้ แล้วมอบจูบที่แสนเหลือเชื่อ
และแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อร่างสมส่วนนั้นวางมือลงบนแผ่นอกแล้ว ขาเพรียวยาวแนบชิดกับสีข้างยามที่เจ้าตัวหยัดกายขึ้นคร่อมกดจนร่างกายเขาแทบจมฟูก
ดวงตาแลเลยจากสะโพกเพรียวไปตามหน้าท้องแบนราบที่มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์สวยงาม ความร้อนที่เดือดจัดในกายทำให้ผิวขาวจัดแดงระเรื่อมีหยดเหงื่อประปรายไหลเลื่อนลงมา
ท่ามกลางแสงเทียนที่ส่ายไหวในความมืด มีเงาร่างที่ขยับไหวล่อแสงเทียนและเสียงหอบครางต่ำดังผสานไปตลอดคืน








ลมโชยพายพัดนอกหน้าต่าง เสียงจิ้งหรีดเรไรแผ่วพลิ้วในสายลม
ยามเช้าของรุ่งอรุณถัดมา ค่อยๆ มาเยือนห้องนอนซึ่งผ่านพ้นความเร่าร้อนไปในย่ำค่ำ

ร่างกายที่ร้าวระบมไปทุกส่วนกับสัมผัสเหนียวเหนอะยังไม่ทำให้ตกตะลึงได้เท่ากับใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของผู้ถือวิสาสะนอนกอดก่ายตนไว้เต็มอ้อมแขน ลมหายใจผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเป็นภาวะของคนหลับสนิท

ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มด้วยโทสะ และยามที่ขยับตัวหนีห่าง ด้านล่าง.... ในช่องทางที่ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าล่วงล้ำเข้ามา กลับรู้สึกได้ถึงหยาดหยดที่คั่งค้างอยู่ภายใน
เร็วกว่าความคิด ขาที่เริ่มกลับมามีกำลังง้างถีบร่างของคนตรงหน้าโดยแรง!
เสียงของหนักตกพลั่กดังสนั่น ตามด้วยเสียงร้องโอดครวญจากความเจ็บน่าหงุดหงิด ก่อนเจ้าตัวจะโงหัวขึ้นมาพาดกับขอบเตียงตาใส ผู้เป็นเจ้าของห้องกัดฟันกรอด กระชากผ้าห่มมาคลุมร่างอย่างเสียไม่ได้เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น
“เจ้ารู้ช่วงเวลา ‘ฮีท’ ของข้าได้อย่างไร!”



แม้เอ่ยปากถามออกไปเช่นนั้น แต่ในใจของจางฉี่ซานกลับระบุตัวการณ์ที่อยู่เบื้องหลังเหตุวิปโยคของตนเองได้แล้ว ยามนั้นคิดว่าคงหวาดระแวงไปเองกับท่าทีดูไม่น่าไว้ใจของสหายสนิท และคงเป็นการมองในแง่ร้ายมากเกินไป สนิทสนทเอื้อเฟื้อกันมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ไม่มีเหตุผลใดให้ ‘คนคนนั้น’ ทำเรื่องที่เหมือนหักหลังกันได้
ทั้งที่น่าจะเอะใจสักนิด... ที่จู่ๆ กลับมีประเด็นเรื่องช่วงเวลาของเขากับป้านเจี๋ยหลี่ขึ้นในวงสนทนา
“....ให้เจ้าช่วย?”
ในคราวนั้นเขาถามกลับไป ดวงตาหรี่ลงเป็นสัญญาณเตือน ว่าอย่าได้ก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัว แต่อีกฝ่ายที่ชินชาเสียแล้วก็หาได้สนใจไม่ และตอบกลับมาอย่างรวดเร้ว

“ก็เจ้ากับท่านหลี่ลำบากมิใช่เหรอ? เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ข้าสบายมาก”
“.....”
ในมุมมองของผู้เหนือกว่าเช่น ‘อัลฟ่า’ การทำเช่นนั้นถือว่า ‘เล็กน้อย’ ก็จริงอยู่ แต่สำหรับ ‘โอเมก้า’ อย่างเขาทั้งคู่แล้ว เป็นการเสี่ยงเกินไป
และกับ ‘อัลฟ่า’ ผู้มีชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้เลื่องลือและมี ‘โอเมก้า’ ในสังกัดปรนนิบัติพัดวีมากมาย จะมีหลักประกันใดที่ป้องกันได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้คิดรวบพวกตนเข้าเป็นหนึ่งในสมบัติครอบครอง

“สรุป?”
ความเงียบในวงสนทนาเป็นสิ่งที่เอ้อร์เย่ว์หงไม่ใคร่จะชื่นชอบนัก หนุ่มใหญ่วัยสามสิบปลายจึงได้เอ่ยปากถามซ้ำ

“เลือกเอาระหว่างไม้เท้ากับดาบข้าอยากตายด้วยอะไร?”
คำตอบไร้เยื่อใยและดุดันสมเป็นนายทหารผู้แข้งแกร่งก็ไม่ผิดดังคาดแต่อย่างใด หากเจ้าของคณะงิ้วชื่อดังก็ยังไม่สิ้นความพยายาม

“พวกเจ้าต้องเก็บตัวอยู่ด้วยกันประจำ ไม่กลัวโดนคนอื่นครหารึไงว่ากินกันเอง”

เหตุผลที่ยกมากระเส้าเลื่อนลอยและฟังไม่ขึ้น นายทหารสบตากับผู้ได้ฉายา ‘ปีศาจเฒ่าไม้เท้าแดง’ เป็นเชิงรู้กันอย่างสงบ

“ถ้าให้เจ้าช่วยข้ายอมกินยานอนหลับให้พ้นช่วงฮีทดีกว่า....”

“โหดร้าย ! พูดเหมือนข้าไม่เคยเห็นร่างเปลือยพวกเจ้า!! มากกว่าที่คนอื่นได้เห็นอีก ! “

เสียงแง่งอนราวกับเด็กน้อยถูกขัดใจ เนื่องด้วยเพื่อนผลักไสจากกลุ่ม กล่าวประท้วง เป็นเด็กน้อยจริงๆ ทำคงน่าเอ็นดูและชวนให้มองอย่างอ่อนอดอ่อนใจได้อยู่ แต่บัดนี้ผู้ทำมีอายุอานามมากโขเกินกว่าผู้เยาว์มานานแล้ว สิ่งที่ได้รับคือถ้อยคำกีดกั้นเย็นชาและสายตาแข็งกร้าวแทน

“แค่ดูไปก็พอเอ้อร์เย่ว์หง...”


เพราะอัลฟ่าน่ะ.... ไม่น่าไว้ใจสักคน




Fin?
ไหน... ไหนใครบอกจบส่วนของ 51 แล้วกันคะ? //เหม่อมองฟ้า แต่ตอนหน้าคงเป็นบทสรุปของคู่นี้แล้วล่ะค่ะ

เพราะจุดประสงค์ตอนต่อจริงๆ คืออยากร่วมตี้ท่านจางกับท่านหลี่ไปรุม เอ๊ย เอาคืน ท่านอาจารย์เย่ว์หงนะคะ ฮา

ปล.คู่ต่อไปของรุ่นปู่นี่เป็น.... 24 ค่ะ อจเย่ว์หงกับเฉินผีอาซื่อ XD


ย้ายไปลงฟิคเต้ามู่บล็อคด้านล่างแทนนะคะ >///< 

Tea house 's ChaCHa












วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

-KnB Fic- Until…now. -11.5-

Until…now.

Fandom : Kuroko no Basket

Rate : PG-15 > NC

Pairing:
Akashi Seijurou x Kuroko Tetsuya(C) , Himuro Tatsuya x Kagami Taiga(C)

Genre : AU, Drama , NTR(เล็กน้อย?)

Note :

เรื่องนี้เป็นกึ่งๆ แนว NTR มีการสลับคู่ และน้องครก. ร้ายอยู่พอสมควร
มีการพูดถึงความสัมพันธ์ทางกายในเชิงชู้สาวแนวคู่นอน ใครไม่ชอบแนวนี้ก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

และที่สำคัญเป็นแนวฟิคสดที่มีการวางโคร่งไว้เพียงคร่าวๆ
คิดอะไรหรืออย่างแต่งอะไรจะเป็นตามใจฉันคนแต่งนะคะ ฮา




Author by Lina(ChaCHa)
Story by kyokikuma




-11.5-




เสื้อยืดตัวหลวมสวมทับด้วยคาร์ดิแกนสีน้ำเงินเข้ม ท่อนล่างเป็นกระโปรงบานสีน้ำตาลอ่อนแบบวินเทจยาวคลุมเข่าพอดิบพอดี มือประคองถ้วยน้ำชาด้วยท่าทีนิ่งสงบ แม้เบื้องหน้าคือชายหนุ่มร่างสูง เจ้าของนัยน์ตาคมกริบสีแดงเข้มทรงอำนาจก็ตามที
"ว่าธุระของคุณมาสิค่ะ อาคาชิคุง"
แค่เดินออกจากคอนโดของฮิมุโระถึงริมทางเท้า ยังไม่ทันได้เรียกรถหรือคิดหาทางไปอื่นแท้ๆ ตัวเธอก็ถูกจับรวบขึ้นมานั่งบนรถยนตร์คันหรูที่ขับเคลื่อนอย่างเงียบเชียบ มีห้องโดยสารกว้างขวางนี้ซะแล้ว
ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองสบกับนัยน์ตาคู่คมที่ทอดมองมาก เธอยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจะไม่พูดคุยอะไรทั้งนั้นกับอีกฝ่าย ถ้าตนยังตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเช่นนี้
อาคาชิผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน และกล่าวสั่งสารถีที่นั่งเงียบมาตลอดให้หาร้านสักร้านที่พอมีพื้นที่ให้จอดรถได้ เขาจะลงไปจัดการธุระ แขนยาวๆ พาดไปกับเบาะหนังและเกือบแลเลยมาถึงเธอ หากสายตาเยียบเย็นได้ขึงปรามไว้ก่อน ว่าอย่าได้แตะต้องถึงเนื้อถึงตัวอย่างเด็ดขาด
ในตอนนี้เองเธอจึงได้เห็น... ชายหนุ่มยังคงอยู่ในชุดสูทเรียบกริบเช่นเดียวกับเมื่อคืน หากแต่เนคไทได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเรียบร้อยแล้ว กระดุมถูกปลดออกมาเพิ่มความสบาย ที่ออกจะมาเกินไปด้วยซ้ำ เพราะมันหลุดลุ่ยมาเกินไปพอดีไปสักหน่อย ส่งผลให้เธอต้องเบือนสายตาไปทางอื่นเพื่อลดความประดักประเดิดแทน
และเมื่อได้สถานที่ที่ไม่รโหฐาน และพอจะเป็นส่วนตัวอย่างร้านอาหารโฮมเมดที่ห่างไกลตัวเองเช่นนี้ เธอจึงไม่รีรอที่จะตรงเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว
"ถ้าจะขอรับผิดชอบเพราะเด็กในท้องอาจจะเป็นลูกคุณล่ะก็... ไม่จำเป็นค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้"
"เธอจะหนี?"
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ โดยที่ดวงตานั้นไม่ได้มีรอยยิ้มหรือความรื่นรมย์ใดเลย เป็นเสียงหัวเราะที่เยาะหยันทั้งตนเองและชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“เปล่าค่ะ... ฉันไม่หนีหรือซ่อนอยู่แล้ว”
“ผมไม่ปล่อยคนของตัวเองไปง่ายๆ หรอกนะ”
อาคาชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจคาดเดา เยือกเย็นและเด็ดขาดเช่นปกติ
“แล้วคุณจะให้ฉันอยู่ฐานะอะไรเหรอคะ? เมียเก็บ เมียน้อย หรือเป็นสักอย่างที่คุณซุกไว้ที่ไหนสักที่ไม่สามารถออกหน้าออกตาได้”
“ถ้าต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ แบบนั้น ฉันขอเลือกที่จะยืนด้วยตัวเอง และเลี้ยงเด็กคนนี้ที่จะเกิดมาด้วยสองมือของฉันดีกว่าค่ะ”
คุโรโกะยกชาขึ้นจิบ น้ำชาอุ่นร้อนเย็นชืดเสียแล้ว เช่นเดียวกับหัวใจที่เย็นเยียบของเธอเอง
                “ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ มีอีกหลายอย่างที่ฉันต้องไปทำ เรื่องมหาวิทยาลัยแล้วก็หางานเพิ่ม”
                “เรายังคุยกันไม่จบ”
                “สำหรับฉันมันจบแล้วค่ะ จบตั้งแต่วันที่ฉันรู้สึกตัวซะทีว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ได้ต่างอะไรกับคู่นอนที่สะดวกเรียกหาของคุณเลย”
                ทุกคำที่เอ่ยออกไป กรีดใจตัวเองทั้งนั้น แต่เธอต้องการย้ำให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ยืนอยู่ในฐานะอะไรของอีกฝ่ายทั้งนั้น
                “ไม่คิดจะฟังเลยเหรอว่าทั้งหมดที่ผมทำมีเหตุผลอะไร?”
                เสียงทุ้มต่ำมีเชิงตัดพ้อและออดอ้อนอยู่ในที หญิงสาวจึงเลี่ยงการไม่สบกับดวงตาคู่นั้นให้ตัวเองหวั่นไหวอีก เธอเจ็บกับความไม่รู้มามากและนานเกินกว่าจะอาศัยเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคจะมาหักล้างได้
                “ฉัน... มีหลายคำถามค่ะ มากมายด้วยซ้ำที่อยากจะพูดกับคุณ แต่ตอนนี้ไม่ว่าอะไรฉันก็ไม่อยากรู้อีกต่อไปแล้วค่ะ”
                “ถึงผมจะบอกว่างานหมั้นหรืองานแต่งงานระหว่างผมกับคางามิ ไทกะจะไม่มีวันเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
                หญิงสาวหันมามองเขาในที่สุด ในแววตาสีฟ้าอ่อนราวกับกระจกใส ไม่สะท้อนสิ่งใดทั้งนั้น
     “ฉันเคยบอกคุณไปครั้งหนึ่ง แต่จะให้ย้ำอีกครั้งก็ได้ค่ะ สำหรับฉันคางามิซังเป็นเพื่อนคนสำคัญ”
ถ้าคุณทำให้เธอเจ็บ…. ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณค่ะ
                มือเรียวบางวางถ้วยชาที่ประคองถือไว้ และยันกายลุกขึ้นอย่างมั่นคง
                คุโรโกะ เท็ตสึยะเลือกจะเดินจากมา และทิ้งบทสนทนาที่คั่งค้างไว้เบื้องหลัง

                ฝน ... ตกลงมาทีละน้อยอย่างเชื่อมช้า และค่อยๆ แรงขึ้นทุกขณะ



                               
ร่างเล็กบางเดินเพียงลำพังโดยไม่กางร่ม
                เม็ดฝนตกต้องลงมาบนเสื้อผ้าจนชื้นเปียก บนถนนว่างเปล่าแทบปราศจากผู้คน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สัญจรอยู่ และทุกคนล้วนถือร่มไว้ในมือ
                คุโรโกะหลับตาลงอย่างช้าๆ เงยหน้ารับสายฝนที่พร่างพรมลงมาไม่ขาดสาย



TBC.



-KnB Fic- Until…now. -10-

Until…now.

Fandom : Kuroko no Basket

Rate : PG-15 > NC

Pairing:
Akashi Seijurou x Kuroko Tetsuya(C) , Himuro Tatsuya x Kagami Taiga(C)

Genre : AU, Drama , NTR(เล็กน้อย?)

Note :

เรื่องนี้เป็นกึ่งๆ แนว NTR มีการสลับคู่ และน้องครก. ร้ายอยู่พอสมควร
มีการพูดถึงความสัมพันธ์ทางกายในเชิงชู้สาวแนวคู่นอน ใครไม่ชอบแนวนี้ก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

และที่สำคัญเป็นแนวฟิคสดที่มีการวางโคร่งไว้เพียงคร่าวๆ
คิดอะไรหรืออย่างแต่งอะไรจะเป็นตามใจฉันคนแต่งนะคะ ฮา




Author by Lina(ChaCHa)
Story by kyokikuma




-10-




ทั้งยัยนี้ทั้งเท็ตสึ เข้าใจยากทั้งคู่
อาโอมิเนะคิด ไม่นึกเลยว่าการตื่นแต่เช้าออกมาวิ่งและหาอะไรกินจะนำความซวยมาให้ตัวเองได้ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองหญิงสาวในชุดราตรีแสนสวยและแต่งหน้าทำผมจนดูแปลกตา มองเหม่อไปอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ที่ตนนั่งเป็นเพื่อนอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจนัก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกกับประโยคชวนผวาของอีกฝ่าย
"นายชอบคุโรโกะสินะ"
จู่ๆ ดันถามโพล่งมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนเขาสำลักน้ำพรวด ตอบแทนที่เขาอุตส่าห์ช่วยไว้ด้วยการฆาตกรรมกันทางอ้อมเรอะ!
ชายหนุ่มผิวสีแทนเข้ม รูปร่างสูงกำยำและหน้าตาถมึงมึงราวกับโจรผู้ร้ายแยกเขี้ยวใส่ หลังจากสำลักกระอักกระไอร่วมนาที
"ก็ชอบ... แล้วไง?"
อย่างน้อยเท็ตสึยะก็เป็นผู้หญิงนอกจากซัตสึกิที่เขาอยู่ด้วยแล้วไม่ปวดหัวล่ะนะ ถ้าเป็นยัยนั่นเขาชินแล้ว ถึงจะงี่เง่าไปบ้างอะไรบ้างก็ยังอยู่ในขอบเขต ส่วนเท็ตสึนี่เงียบเป็นเป่าสาก ไม่หือไม่อือ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
ดังนั้นถามว่า 'ชอบมั้ย?' สำหรับเขาก็ชอบอะนะ เสียแต่เขาไม่นิยมกระดานและยังไม่อยากตายโดยการเอาคอไปพาดเขียงให้อาคาชิฆ่า
คางามิถามก็ดี แต่เหมือนจะแค่พูดลอยๆ ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะสายตาของหญิงสาวยังทอดมองไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าเช่นเดิม
"เฮ้ ! ตกลงเธอเป็นอะไรกันแน่ คางามิ"
เส้นอารมณ์กรุ่นๆ ทำให้อดกระชากเสียงถามโดยอัตโนมัติ ไอ้ตอนเจอกันก่อนหน้านี้ทีหนึ่งล่ะ ยัยนี้ทะเลอทะล่าลงจากแท็กซี่ ไม่ได้สังเกตสังการถที่กำลังวิ่งสวนไปมา หวิดได้ไปเฝ้ายมบาลต่อหน้าเขา ดีที่อาศัยสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่สั่งสมมาจากการเล่นสตรีทบาสและขึ้นเขา?ในวัยเยาว์ คว้าร่างยัยนี้พ้นจักรยานที่จะเฉี่ยวไปกินได้ทัน
ร้อนให้คนที่ขี่มาดีๆ เกือบซวยต้องจัดการศพ ลงมาขอโทษขอโพยยกใหญ่ จนเขาต้องพยักเพยิดเออออตามและบอกว่ายัยนี้ถึกทน ต่อให้โดนขนก็ไม่ตาย คนฟังถึงได้ทำหน้าพิกลๆ ก่อนจะฝากเบอร์โทรศัพท์ หากมีอาการข้างเคียงอะไร
ส่วนคนขับแท็กซี่น่ะเหรอ? กระซิบกระซาบบอกเขาทำนองว่าดูแลแฟนเอ็งให้ดีๆ หน่อยไอ้หนุ่ม นั่งซึมกระทือตั้งแต่ขึ้นมาแล้ว โดดลงไปแบบนั้น ฉันคิดว่าจะฆ่าตัวตายซะอีก
สมองระเบิดพุ่ง เหมือนจะแตกในพริบตา นี่คิดว่าเขาเป็นแฟนกับยัยบ้านี่? แล้วมีเรื่องทะเลาะกัน แล้วยัยนี้จะฆ่าตัวตายประชดรักเรอะ !!
"เฮ้ย ! ผมเปล่าเป็นอะไรกับยั--"
ไม่ทันให้ปฏิเสธ เจ้าบริการรถโดยสารไม่ประจำทางก็ยัดเยียดกระเป๋าเงินและข้าวของอีกเล็กน้อยใส่มือเขาแล้วชิ่งไปในทันที ครั้นจะทิ้งให้เดินไปตามจุดหมายปลายทางตามยัตถากรรม เกรงว่าไม่โดนฉุดก็มีอันต้องถูกปล้นทรัพย์ซะก่อน เป็นเวลาปกติเขาไม่มานั่งเป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้หรอกนะ กลับบ้านไปนอนดูดีวีดีไมจังแล้วเถอะ !
แต่สติและวิญญาณยัยนี้ยังไม่กลับเข้าร่างเต็มร้อย ขืนปล่อยเดินโต๋เต๋ให้มีเรื่อง ไม่ยัยซัตสึกิหยิกจนแขนเขียว เท็ตสึต้องเล่นงานเขาปางตายแน่ๆ !
ขวดน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบที่ถือดื่มกินแก้กระหายจึงได้ฤกษ์เปิดใช้งาน ด้วยการสาดเข้ากับใบหน้าสวยคมที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูแปลกตา
น้ำเย็นจัด ปลายฤดูใบไม้ร่วงย่างเข้าฤดูหนาว เล่นเอาหญิงสาวร่างสูงโดนกระชากจนสติที่เลื่อนลอยให้ตื่นเต็มตาและกลับสู่โหมดปกติทันที
“ทำบ้าอะไรของนายห๊ะ ! อาโอมิเนะ !!
“สาดน้ำไง... เผื่อจะสางกับเขาขึ้นมาบ้าง?”
อาโอมิเนะกล่าว พลางยักไหล่กวนๆ อย่างน่าถีบ ซึ่งปกติเธอคงของขึ้น วางมวยกับคนข้างสักรอบสองรอบ แต่นี่แค่ขึ้นเสียงใส่แล้วมองหน้าเฉยด้วยความรู้สึกหลากหลาย เพราะดวงตาสีน้ำเงินคู่คมนั่นทอดมองมาด้วยแววตาสงบนิ่ง
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาหรอกนะ แต่มานั่งซึมเป็นตอไม้นี่ไม่สมเป็นเธอนี่หว่า ยัยบ้า บากะงามิที่ฉันรู้จักมีแต่พุ่งไปข้างหน้า”
มือหยาบถือวิสาสะขยี้ลงบนกลุ่มผมสีแดงที่มีปอยสีดำสนิทซึ่งจัดทรงอย่างดีไว้ให้ยุ่งเหยิง
“และที่สำคัญไอ้ทรงผมสวยๆ เรียบร้อยนี่ไม่เหมาะกับเธอหรอก ไอ้ชุด... ล่อตะเข้นี่ก็เหมือนกัน ที่บ้านไม่ว่าเรอะแต่งตัวแบบนี้”
ชายหนุ่มผิวสีเข้มพูดแล้วทำหน้าพิกล ก่อนสายตาจะเลื่อนลงมาหน้าอกหน้าใจที่มีอยู่เหลือเฟือจนแทบล้นทะลั่กออกมาของหญิงสาว เล่นเอาใบหน้านวลขึ้นสีก่ำเอามือปิดทรวงอกอิ่มตัวเองแทบไม่ทัน ในยามปกติเธอไม่คิดอะไรกับสายตาที่มองมาหรอกนะ แต่หมอนี่... เล่นจ้องซะตาเป็นมัน แถมมีเลียริมฝีปากซ้ำอีกตั้งหาก กับคนที่ไม่เคยมองมาด้วยสายตากระเหี้ยนกระหือรือแบบนี้ ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดๆ และร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา
“เห็นม่ะ? ขนาดแค่ฉันมองเธอยังทำหน้าเหมือนกลืนยาขมทั้งลัง มาเดินเตร็ดเตร่ตาลอยแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนฉุดจริงๆ หรอก”
“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ที่เสียเส้นขนาดนี้ เพราะ หมอนั่น ล่ะสิท่า”
คางามิเบิกตากว้าง มองอาโอมิเนะอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ...
รู้ ... งั้นเหรอ?
คนโดนมองหรี่ตาคมๆ เหล่ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามที่ส่งตรงมาจากนัยน์ตาอีกฝ่ายแทบจะในทันที
“ฉันไม่ได้ความรู้สึกเร็วเรื่องบาสอย่างเดียวหรอกน่า กับคนที่สนใจมันก็ต้องมีสังเกตมากกว่าปกติอยู่แล้ว”
พูดงั้นงี้ แต่เอาเข้าจริง เขาไม่ได้รู้เพราะสังเกตเอาเองหรอกนะ เรื่องพวกนี้มันเป็นเซ้นส์ของพวกผู้หญิงเถอะ ยัยซัตสึกิก็เคยเปรยๆ ให้ฟัง เท็ตสึเองก็เหมือนกัน
คนแรกน่ะ... เปรย แล้วยุส่งให้ลองทำอะไรๆ บ้าง  ส่วนคนหลัง ขานั้นวางท่านิ่งสงบอย่างกับแป้งแช่ทิ้งไว้ค้างคืน เอ่ยเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงเฉยชาเป็นปกติว่า อย่างอาโอมิเนะคุง มีแต่โมโมอิซังน่ะแหละค่ะที่พอจะทนอยู่ด้วยได้
หมายความว่าไงว่ะ!!
“ฉัน... ต้องเดินต่อสินะ”
หลังจากที่ละล้าละลังไม่แน่ใจมานาน อาจจะเสียใจหรือเสียพี่ชายคนสำคัญไป แต่ในเมื่อความรู้สึกไม่เหมือนเดิม และไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับแก้ไขอีกแล้ว อย่างน้อยเธอก็อยากจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไป
ทัตสึยะ ... ฉันไม่ใช่น้องสาวคนเดิมอีกแล้ว
อาโอมิเนะตบลาดไหล่เปล่าเปลือยดังป๊าบ! เรียกสายตาดุ และเขี้ยวคมขาวของแม่เสือสาวให้แยกขู่ได้ในทันที
“ต้องงี้เซ่! ถึงจะกับเป็นเธอ!!
เจ้าตัวว่า พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คางามิทำท่าจะลุกตาม หากถูกกดไหล่ไว้ให้นั่งแบบเดิม หญิงสาวเลิกคิ้ว ก่อนเงยหน้ามองแบบงงๆ เสื้อแจ็คเก็ตตัวหนาถูกสวมคลุมลงมาบนบ่า
“อากาศกลางฤดูใบไม้ร่วงกับน้ำเย็นขนาดนั้น ขืนเดินโท่งๆ ไปแบบนี้ เธอได้หวัดกินก่อนจะไปหา หมอนั่น พอดี”
แพขนตาสีแดงกะพริบปริบๆ อย่างงุนงง ทำหน้ามึนแบบไม่เข้าใจสถานการณ์ไปเกือบครึ่งนาที จนฝ่ายคนสละเสื้อให้ชักเขินแบบแปลกๆ เลยแก้เก้อด้วยการฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้นตามแทน
“ไปได้แล้ว!!

“ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของฉันเอง”
บทสนทนาที่เดาได้ไม่ยากเย็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคนลับหลังเธอในยามที่ไม่รู้ ความกล้าที่รวบรวมมาหล่นหายไปตามเข็มของนาฬิกาที่หมุนไป
กระแสอารมณ์ที่ปั่นป่วยจากมวลตะกอนความรู้สึกอันหลากหลายกลั่นตัวออกมาในรูปแบบของน้ำตา
เมื่อริมฝีปากสั่นๆ เอ่ยลาได้ไม่ทันจบประโยคดี สองขาที่ก้าวเดินมาอย่างมั่นคง ทำท่าจะอ่อนยวบลงในนาทีสองนาทีข้างหน้า ทำให้เธอตัดสินใจถอยออกมา จะมีประโยชน์อะไรล่ะกับความจริงในใจเธอ? เมื่อทัตสึยะมีคนที่ต้องดูแลอยู่แล้ว
สิ่งที่ น้องสาว อย่างเธอทำได้ก็แค่ภาวนาให้ทั้งคู่มีความสุข
นิ้วที่กดลิฟต์สั่น พอๆ กับมือที่กุมกุญแจสำรองที่ใครอีกคนให้ไว้แน่น จนทำให้เธอเปิดประตูเข้าไปเจอได้จังหวะเหมาะถึงขนาดนั้น น้ำตาที่คราวแรกตั้งใจจะไม่ให้มันออกมาอีก คลอออกมาเต็มหน่วยตาอย่างไม่อาจหักห้ามได้อีกต่อไป
เป็นคนอื่น... หรือใครอื่นที่เธอไม่รู้จักจะไม่เจ็บขนาดนี้เลย
ทำได้ยังไง... ทั้งคู่ทำกับเธอขนาดนี้ได้ยังไง
คางามิไม่อยากกล่าวโทษใครทั้งนั้น
แต่ก็อดคิดไม่ได้... คุโรโกะรู้มาตลอด รู้ความรู้สึกของเธอแท้ๆ แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น
แต่กลับ.... กลับ...
ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีเสียงเรียกหาที่ดังตามหลังมา จวบจนประตูลิฟต์ปิดลง
หญิงสาวทรุดลงกับพื้นในนาทีนั่น และร่ำไห้อย่างสุดเสียง

“ปล่อยฉัน! ทัตสึยะ!!
หากเมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ยามที่ประตูค่อยๆ เคลื่อนเปิด ร่างทั้งร่างเธอกลับถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนของคนที่เธอไม่คิดอยากเห็นหน้าหรือรับรู้อะไรอีกแล้ว
เจ้าของชื่อไม่ปล่อย ซ้ำยังกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม หญิงสาวช้อนตาแดงๆ มอง ก่อนจะยกเข่าถองเข้าที่ช่วงล่างอีกฝ่าย เพียงแต่ร่างสูงกว่าหาใช่พวกไก่อ่อน แต่เป็นผู้เจนจัดในวิถีการวิวาทไม่ยิ่งหย่อนไม่กว่าเธอ อ้อมแขนคลายลง เมื่อรับรู้ได้ถึงอาการต่อต้านจริงจัง ในจังหวะนี้นี่เอง ฝ่ามือเรียวก็ตบฉาดเข้าที่ใบหน้าซีกซ้ายของ พี่ชาย คนสำคัญอย่างจัง!
อาศัยช่วงที่ชายหนุ่มตะลึงงันไปนี้เอง ผลักเปิดประตูออกไป และวิ่งสุดฝีเท้า
หากแต่คนเสียใจกับคนที่ค่อนข้างมีสติ อีกคนหนีแบบไร้จุดหมาย อีกคนตามแบบมีเป้าหมาย เห็นๆ กันอยู่ว่าใครมีสติมากกว่ากัน
“เราต้องคุยกัน ไทกะ”
ฮิมุโระเป็นฝ่ายพูด ขณะที่มือแกร่งคว้าข้อแขนของหญิงสาวไว้อย่างแน่นหนา คนอายุน้อยกว่าเม้มริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะเดินตามแรงฉุดของอีกฝ่ายเข้าร้านคาเฟ่ต์ไป
บรรยากาศของร้านกาแฟและเบเกอรี่ในยามสายมีผู้คนบางตา นอกจากพวกเขาสองคนแล้วก็มีเพียงพนักงานและลูกค้าอีกคนสองคนเท่านั้นเอง
บริกรสังเกตเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้ จึงได้รีบเร่งวางเมนู ก่อนจะขอตัวไปทำอย่างอื่นแทน
“มีอะไรจะพูดกับฉันไม่ใช่เหรอไทกะ” ชายหนุ่มผมดำเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
“ไม่สำคัญแล้วทัตสึยะ... มันไม่สำคัญอีกแล้ว” หญิงสาวตอบ หากแต่ใบหน้าไม่ได้มองคนที่นั่งด้วยกันเลยแม้แต่น้อย
“แม้ว่าคนที่ฉันรักจริงๆ จะเป็นไทกะน่ะเหรอ”
คางามิหันไปมองคนพูดราวกับคิดว่าตัวเองหูฝาดไป และก่อนจะได้เอ่ยปากถามให้กระจ่างว่าใช่แบบเดียวกันหรือเปล่า เจ้าตัวก็ขยายความซ้ำจนชัดเจน
“รัก... แบบที่ผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิง ไม่ใช่แบบพี่น้อง”
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหัวใจพองโตและมีความสุข แต่มันก็หดลีบเล็กราวกับลูกโป่งที่ถูกเข้มเจาะ เมื่อตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้
คุโรโกะท้อง...
และนั่นทำให้เธอไม่อาจเห็นแก่ตัวเก็บคนคนนี้ไว้ได้ ในเมื่อเขาเอ่ยปากเองว่าจะรับผิดชอบ แสดงให้เห็นว่าคงเคยมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ที่ทำให้คิดได้ว่ามีส่วนให้เกิดชีวิตน้อยๆ ขึ้นมา
เธอ... อาจจะรักทัตสึยะมากขนาดทิ้งทุกอย่างได้ แต่ไม่มีทางแลกความรักของตัวเองกับเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาแน่นอน
"แล้วคุโรโกะล่ะ? ทัตสึยะ!"
"เด็กคนนั้น ... ไม่เป็นไรหรอก"
นอกจากสายตาเด็ดเดี่ยวที่มองส่งมาในตอนนั้นแล้ว เขาเชื่อว่า 'คนคนนั้น' ของคุโรโกะจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอแน่นอน ไทกะมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา  ก่อนตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนหน้าที่คางามิจะเปิดประตูเข้ามาและคุโรโกะจะตื่น
เขา... หยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงแผดร้องไม่หยุดของคุโรโกะขึ้นมา ชื่อจากปลายสายก็ทำให้เขากดรับและกรอกเสียงลงไปโดยถ้อยคำที่ตระเตรียมทันที แม้ในตอนนั้นเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวในบทสนทนาจะตั้งครรภ์ก็ตามที
               
'คุณเคยทิ้งเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง มันก็อาจจะมีครั้งที่สองครั้งที่สามต่อมาก็ได้ ใจคนไม่ได้แข็งแกร่งพอจะรับความเสียใจได้ขนาดนั้น'
'ถึงผมจะไม่ได้รักเธอแบบนั้น... แต่ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งคนที่เอ่ยปากว่าจะดูแลแน่นอน'
'ถ้าเป็นคุณ... จะปล่อยคางามิ ไทกะให้ผู้ชายคนอื่นมั้ย?'
คำตอบคือการย้อนถาม ต่อให้ไม่พูดออกไป เขาเองก็รู้ดีว่าต่อให้เพียรพยายามทำใจให้สงบแค่ไหน แต่เมื่อเห็นภาพไทกะอยู่กับคนอื่น ฮิมุโระก็ทนไม่ได้อยู่ดี ความทุรนทุรายและภายในที่ปวดแสบปวดร้อนราวถูกแผดเผาด้วยความริษยาและกรุ่นโกรธมากที่สุด หวงแหน ซอกหนึ่งในใจคิดอย่างเห็นแก่ตัว
เขา.. ไม่ได้ทะนุถนอมเธอมาให้เป็นของคนอื่น
โดยเฉพาะคนที่คิดจะใช้เธอเป็นเครื่องมือในความสำเร็จอย่างคนในโทรศัพท์!!
แต่ในขณะเดียวกัน เขาเลี่ยงความรับผิดชอบที่เป็นของตัวเองไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นการสมยอมและเด็กคนนั้นเลือกที่จะยืนด้วยตัวเองมากกว่ารับความช่วยเหลือจากใคร หากจะนิ่งดูดายให้คนที่เป็นเหมือน 'น้องสาว' อีกคนไปตกระกำลำบากได้ยังไง ด้วยร่างกายและจิตใจที่ราวกับแตกสลายลงไปแบบนี้ การอยู่คนเดียวรังแต่จะทำให้แย่ลงก็เท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่มีวันปล่อยมือจากเท็ตสึยะ
ทั้งที่ข่าวการหมั้นของคุณกับไทกะกำลังลงอยู่บนทุกแผงหนังสือและหน้าข่าวโทรทัศน์น่ะเหรอ!’
นั่นเป็นเพียงเหยื่อล่อให้คนตกหลุมพรางเท่านั้น และผมเชื่อว่าคนที่ได้ฉายา พ่อมดแห่งวอลสตรีท อย่างคุณต้องสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในกระดานตลาดหุ้นแล้วอย่างแน่นอน
ฮิมุโระนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจกับฉายาวงในที่เก็บงำเป็นความลับมาเนิ่นนานของเขา
            คุณรู้ได้ยังไง?
            เสียงหัวเราะอย่างขบขันดังมาจากปลายสาย ฟังดูรื่นรมย์จนเขานึกฉุนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
            นั่นไม่สำคัญหรอก ผมแค่อยากบอกเอาไว้ก่อน ว่าทุกอย่างที่ผมเตรียมไว้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว หมากกระดานนี้ผมจะเป็นคนชนะและได้ทุกอย่างเช่นที่คำนวณไว้
            ภาพแผนการลงทุนและผังหุ้น ทั้งการเงิน ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏขึ้นในหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่เขาเรียกใช้งาน ทำให้เขานิ่งอึ้งไปในทันที
            คุณจงใจใช้ข่าวการรวมตัวกันของตระกูลอาคาชิและคางามิ เบนความสนใจจากผู้ลงทุนทั่วไปและรายใหญ่ให้จับจ้องแต่เครือข่ายยักษ์ใหญ่นี้
            แล้วค่อยๆ ตัดสายเลี้ยงเครือข่ายทั้งหมดให้พังครืนลงมา
            ตอนแรกก็ข่าวการดูตัว ต่อมาก็เป็นการประกาศหมั้นให้ผู้คนเทความสนใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะฉวยช่วงจังหวะนี้ เข้าแทรกแซงธุรกรรมการเงิน การค้าและอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดให้อยู่ในกำมือตัวเอง แต่การช้อนซื้อเหล่านี้มักมีการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและโปรแกรมเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด นั่นคืออีกฝ่ายค่อยๆ ช้อนและเทขายทีละน้อยทีละน้อยจนไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
            .... ทำลายสายป่านทั้งหมดของตระกูลอาคาชิ
            คุณจงใจทำลายระบบของเครือข่ายอาคาชิทั้งหมด คุณทำไปเพื่ออะไร
            ถ้าขวางทางผม ถึงจะเป็นพ่อแม่ผมก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าทิ้งหรอกนะ
            ฮิมุโระไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่ถูกหรือเปล่า แต่ลางสังหรณ์บางอย่างเชื่อว่าตนไม่น่าพลาด
            คุณทำทั้งหมดนี้ เพื่อคนเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง
            ความรักไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบ และแค่ความรักก็ไม่อาจทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันได้ ผมต้องมั่นใจว่าตัวเองได้อำนาจทั้งหมดไว้ในกำมือ จนใครอื่นก็ไม่สามารถคัดค้านตัวเองได้
            ไม่คิดว่าการใช้วิธีปกติจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่าหรือไง?
            ‘เหมือนกับที่ตระกูลคางามิไม่มีวันยอมรับคุณ คิดว่าตระกูลอาคาชิจะยอมเหรอ?
            ผมจะขจัดทุกความเสี่ยงที่ทำให้เท็ตสึยะเป็นอันตราย

                “คุโรโกะไม่รู้เรื่องใช่มั้ย?”
                หญิงสาวถาม และคำตอบที่ได้ก็ไม่ผิดจากที่คิดเมื่อทัตสึยะส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
                “ถึงฉันจะไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็เถอะ แต่นี่... ทัตสึยะ”
                ความเจ็บปวดที่ไม่รู้อะไรเลยและไม่มีสิ่งอื่นใดให้ยึดเหนี่ยวนอกจากความเชื่อมั่นของตัวเอง
                “คุโรโกะเป็นคนเข้มแข็งก็จริงอยู่ แต่ยิ่งแข็งก็ยิ่งเปราะบางเหมือนกัน”
                “นั่นคงเป็นเรื่องที่ทั้งสองคนต้องสะสางกันเองแล้วล่ะ”
                ฮิมุโระกล่าว ก่อนจะรั้งร่างเพรียวบางที่นั่งข้างกันมากอดไว้หลวมๆ ก่อนกระซิบริมหู
                “ไทกะจะกลัว หรือหนีไปก็ได้ แต่ฉันจะไม่ลังเลอีกแล้ว”
                เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ตรงข้ามกับสายฝนที่พร่างพรมอยู่ด้านนอก ทั้งที่ควรจะหนาวแท้ๆ แต่อ้อมแขนที่สวมกอดลงมานั่นอบอุ่นจนชวนให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง
                แต่ครั้งนี้... เป็นความสุข
                                   
“My lust after you I think you can't handle it Honey.”
(ความปรารถนาที่มีต่อเธอ ฉันไม่คิดว่าเธอจะรับมันได้หมดหรอกนะที่รัก)
           



 TBC.